วันพุธที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2553

Louise Bourgeois



หลุยส์ บูร์ชัวส์ เป็นศิลปินที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง เสียชีวิตในวัย 98 ปี เมื่อถามเกี่ยวกับอิทธิพลของศิลปินท่านอื่นๆ ในผลงานของเธอ บูร์ชัวส์ไม่เคยอ้างอิงถึงทว่ากลับอ้างถึง แม่ผู้พิการ พ่อผู้จริงใจและซื่อสัตย์ และเครูสอนภาษาอังกฤษ โดยบรรยายครั้นเมื่อหล่อนอยู่ในช่วงชีวิตวัยเด็ก และโรเบิร์ต โกล์ดวอเตอร์ สามีของบูร์ชัวส์ เหตุการณ์แปลกๆ ในการรับเลี้ยงบุตรบุญธรรม คนแรก "Michel" รับเลี้ยงหลังจากแต่งงานไม่กี่เดือน หลังจากนันก็รับเลี้ยงเพิ่มขึ้นอีกสองคน "Alaind" และ "Jean-Louis" บูร์ชัวส์พูดถึงพวกเขาในงานเล็กน้อย

ทั้งนี้ทั้งนั้น ทั่วโลกเชื่ออย่างง่ายดายว่าผลงานของเธอ..."ได้รับอิทธิพลอย่างสูงจากช่วงชีวิตในวัยเด็กที่เจ็บปวด" นั่นคือผลงานที่ชื่อ "maman" หล่อนสร้างงานชิ้นนี้เพื่ออธิบายบางสิ่งบางอย่าง ตั้งแต่ยุคไนน์ตี้ต้นๆ อธิบายผลงานได้ว่า "รูปปั้นของเธอถูกปั้นจากประสบการณ์อันเลวร้าย" บูร์ชัวร์ พูดไว้ว่า "ถ้าคุณละทิ้งอดีตไม่ได้ คุณควรจะสร้างมันขึ้นมาใหม่ ปั้นรูปปั้นซะ" นั่นคือ...ถ้างานของหล่อนไม่ได้อธิบายตนเอง พวกเราก็ไม่มีทางรู้ถึงอัจฉริยภาพแห่งการสร้างสรรค์ของเธอได้เลย

ธีมงานที่ดีของเธอถูกวางไว้ให้เป็นงานเล่าเรื่องซึ่งผลิตงานด้วยตัวมันเองมากเท่าที่จะมากได้ สิ่งซึ่งบอกว่าบูร์ชัวส์เป็นคนไม่โกหกและจริงใจคือ เธอสร้างเหตุผลที่น่าเชื่อและการตัดสินใจที่น่าเคารพว่า ; ถ้างานของหล่อนถูกทำให้ลดลง โดยยุคอันรุ่งโรจน์ของนักเขียนประวัติศาสตร์กรณีศึกษารายบุคคล ด้วยชิ้นงานและหลักฐาน ตัวกรณีศึกษาทางประวัติศาสตร์นั่นแหละ ก็เป็นงานศิลป์ หล่อนควรจัดการผลงานด้วยบริบทของหล่อนเอง

บ่อยครั้งที่หล่อนต้องการรวบรวมผลงาน ก่อนที่หล่อนจะกลายเป็นผู้หญิงคนแรกที่ถูกบันทึกว่า แสดงผลงานทั้งหมดที่ Museum of Modern Art ในนิวยอร์ก เมื่อปี 1982 หล่อนก็อายุปาเข้าไป 71 ปี แล้ว จำนวนผลงานทั้งหมด บางชิ้นเพิ่มรายละเอียด และบางชิ้นก็ถูกทำให้ง่ายขึ้น ตามวันปีที่ผ่าน มันเป็นปี 1982 ที่เจ้าของแกลอรี่ที่ฝีมือยังไม่เก๋าJerry Gorovoy เลิกทำงานของเขาที่ Sisney Janis Gollery เพื่อที่จะมาเป็นผู้ช่วยและผู้จัดการของบูร์ชัวร์ เขายังคงมีส่วนร่วมกับ Studio Louise Bourgeois ถึง 28 ปี เขาต้องทำงานโปรดักชั่นด้านเทคนิคมากมาย ซึ่งผลิต Maman เวอร์ชั่นต่างๆ หลายรูปแบบ ให้แกลอรี่ทั่วโลก น้อยคนจะรู้ว่าในปี 1993 Gorovoy เป็นแบบให้สำหรับ The Arch of Hysteria

ในตอนที่โรเบิร์ต โกล์ดวอเตอร์ อายุ 31 ปี พบกับหลุยส์ บูร์ชัวส์ผู้อายุ 27 ปี ในปารีส ปี 1937 โกล์ด วอเตอร์เป็นศาสตราจารย์ทางด้านประวัติศาสตร์ศิลป์ที่มหาวิทยาลัยสเต็ต ออฟ นิวยอร์ก และเพื่อนสนิทของ Clement Greenberg และ Alfred H Barr ผู้ก่อตั้งและผู้ควบคุม ของ The Museum of Midern Art

บูร์ชัวร์จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยซอร์บอนน์ และเป็นนักเรียนเพอพิชัวร์ อาร์ต (ศิลปะการแสดงต่อเนื่อง)เมื่อหล่อนแต่งงานกับโกล์ด วอเตอร์ ก็เดินทางไปพักกับสามีที่นิวยอร์ก หล่อนเริ่มงาน The Centre of the American Art Establishment ในปี 1941 บาร์ (เพื่อนของหล่อน)ชักจูงนายทุนซื้อรูปปั้นของเธอ (Quarantania for Moma) และในปี 1969 มันถูกแสดงเป็นภาพใน "What Is Modern Sculpture" ของ โกล์ด วอเตอร์

หลังจากนั้นบูร์ชัวร์แสดงชิ้นงานที่เล่าเรื่องความรู้สึกในอดีต เพื่อเป็นประวัติศาสตร์ศิลปะ ในชิ้นงานแสดงที่เรียกว่า "Confrontation" (1978) แต่ความสัมพันธ์ของหล่อนกับสามีผู้ทรงภูมิรู้ ผู้เป็นเคียวเรเตอร์งานศิลปะยุคแรกๆ ให้ Rockefeller (ที่ไม่เพียงแค่อนุญาตให้หล่อนจัดการงานที่มีเสน่ห์สร้างสรรค์มากที่สุดเท่าที่เคยทำโดยมือมนุษย์)งานนี้เขายังนำให้หล่อนไปสู่ความใกล้ชิด ร่วมงานกับศิลปินในยุโรป เช่น Marx Ernst, Marcel Duchamp, Andre Beton และ Joan Mire หล่อนเคยบอกว่า เกลียดพวกเขา เพราะพวกเขาเหล่านั้นเป็น "บิดาแห่งรูปร่าง" หล่อนยอมรับบางครั้งว่า ไม่ได้รับอิทธิพลอะไรจากงานเหล่านั้นเลย

แม้ว่า การฝึกฝนด้านศิลปะของบูร์ชัวร์ถูกเข้าใจว่ไม่ได้เป็นงานที่มีความคิดต่อเนื่องจากธรรมเนียมของเพศชาย และปฏิกิริยาการต่อต้านธรรมเนียมเพศชาย และหล่อนถูกยกย่องให้เป็นฮีโร่ของเหล่าเฟมินิสต์ หล่อนปฏิเสธ บอกว่ามันไม่ใช่อะไรใหม่นักหรอก "ฉันโชคดีที่ถูกเลี้ยงโดยแม่ของฉันผู้ซึ่งเป็นเฟมินิสต์ และโชคดีพอที่แต่งงานกับสามีผู้เป็นเฟมินิสต์ และฉันก็เลี้ยงดูลูกชายให้เป็นเฟมินิสต์" หล่อนอ้างถึงความเป็นศิลปินที่ไม่ใช่ศิลปินหญิง ซึ่งข้อวิพากษ์วิจารณ์ในทัศนคติของเพศชายช่วยอะไรไม่ได้เลย และเป็นอุปสรรคที่จะเข้าใจว่างานของหล่อนคืออะไรกันแน่ ทำไมรูปปั้นผู้หญิงถึงปั้นหน้าอกที่ดูดีเท่าๆ กับตรงช่วงแขน รูปปั้นรูปอวัยวะเปิดเปลือยรูปทรงอวบๆ กลมๆ น่าเกลียด และทำไมงานของหล่อนดูเหมือนยังคงไม่มีเหตุผลและท้าทายความเชื่อ ถ้ามันไม่ใช่ว่า ทั้งหมดทั้งปวงคือชิ้นงานเฟมินิสต์

บูร์ชัวส์กลายมาเป็นศิลปินมืออาชีพ หลังจากผ่านเวลาอันยาวนานในการเป็นแม่ เป็นหม่าย และเป็นหญิงไร้ประจำเดือน เมื่ออายุมาก หล่อนกลายเป็นเด็กอีกครั้ง อิสระที่จะผลิตไอเดียใหม่ๆ ด้วยตัวหล่อนเองและโลกของหล่อน หนักมาก่อนเบา เหล็กกลายเป็นแก้ว ออกไปข้างนอกก่อนกลับมาเข้าใจภายใน ผลงานต่างๆ ที่คงดำรง ถูกทำลายความเชื่อเก่าๆ ทั้งนั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น