วันอังคารที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

เกาะดับจิตบทที่ 2 เหตุบังเอิญ

“คุณคะ วิญญาณหลุดออกจากร่างแล้วค่ะ” เสียงพูดรสหวานเชี๊ยบ เนิบช้าร่วงหล่นจากเพดานสูง

“หมายความว่า ผม...ผมตายแล้ว” ผมพูดอย่างคนตระหนกตื่น มองเห็นร่างนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงนอน ตัวผมอีกคนยืนเก้ๆ กังๆ เบื้องหน้ารูปท้องทะเลกว้างสีเขียวมรกต อัดกรอบดำฉาบข้างฝาไม้ไว้ที่ข้างๆ หน้าต่างหัวนอน

“ไม่ใช่ค่ะ แค่วิญญาณหลุดออกจากร่างกายชั่วคราว” ผู้หญิงในชุดกระโปรงสั้นสีขาวค่อยๆ เดินเรื่อยช้าจากประตูห้องน้ำ ย่องลอยตรงมาที่ผม ประกายเส้นผมดำขับที่คาดผมสีขาวโดดเด่น ใบหน้ารูปไข่เต่า จมูกยาว ปลายจมูกเชิดรั้นแปะไว้กลางวงหน้า ปากกว้างทำให้เครื่องหน้าดูประหลาด กลิ่นดอกมะลิตลบอวลกาย กรุ่นจางบางเบาจากระยะไกล ค่อยๆ อัดแน่นฉุนจัด เมื่อชิดใกล้

ผมถามหล่อนว่าเป็นใคร...“ฉันเป็นวิญญาณลอยวนเวียนอยู่ตรงนี้ คุณกลัวผีหรือไม่” คำตอบพร้อมคำถามชุดใหม่จากหล่อน

“ไม่ใคร่เจอ แต่เห็นแล้วกลับไม่กลัว” ผมหมายถึงหล่อนนั่นแหละ หญิงสาวคายคำพูด “คิดเช่นนั้นหรือ” น้ำเสียงหล่อนเยือกเย็นกว่าเก่าอีก คว้าแขนผมจับไว้มั่น ผ้าคลุมไหล่สีขาวบางจ้อยค่อยๆ ปลิวคลุมตัวเรา ร่างกายเมามายไร้สภาพดูดีบนที่นอน หน้าจืดซีด วูบหายในเงาขาวจ้า ร่างวิญญาณกับร่างกายเดินทางห่างไกลกันและกัน คำตอบว่าผีคืออะไร วิญญาณคืออะไรจากผู้ใหญ่ในตอนเด็กๆ ดูไร้ค่า เมื่อถึงเวลานั้น เหมือนเช่นวัยเด็ก คุณครูถามว่า โตขึ้นหนูอยากเป็นอะไร ผมบอกครูว่า หมอ เพราะคุณตาอยากให้เป็นหมอ แต่ไม่รู้เลยเสียด้วยซ้ำว่าอาชีพหมอนั่นคืออะไร เคยแต่เห็นคุณตาตรวจไข้ที่ผมป่วยพับ คำตอบด้วยเหตุผลหรืออารมณ์ ไม่เคยซาบซึ้งเท่าสัมผัสจริง...แน่นอนที่สุด!!!

เสียงคลื่นทะเลและเม็ดทรายละเอียดกล่าวไว้ว่า เราโผล่บริเวณหน้าชายหาดที่ไม่มีป้ายปักว่าคือหาดไหน ทั้งผมก็ไม่เชี่ยวชาญถิ่นที่พอจะบอกได้ “น้ามาทำอะไรที่นี่” เด็กชายตัวเล็กแกร็นถามหญิงชุดขาว ดูท่าอายุอานามไม่น่าเกิน 9 ปี ในริ้วรอยปะชุนบนใบหน้าบอกชี้ว่าตายศพไม่สวย เด็กนับสิบวิ่งตรงมาที่เรา ทว่าต้วมเตี้ยม บางคนวิ่งได้ยากลำบาก ท่าทางพิกลพิการ ขาไปทาง แขนไปทาง หน้าหันไปทาง กว่าจะวิ่งได้ถูกทิศ อาศัยเพื่อนฝูงคอยลากจูง ผมสังเกตว่าเกือบทุกคน...หน้าตาแตกต่างสายชาติพันธุ์ทว่าหน้าเย็บชุนทุกคน

“ที่นี่ที่ไหน” ผมร้องเสียงหลง เด็กชายคนเดิมทำปากบิดไปเบี้ยวมา แล้วชี้นิ้วไปตรงจุดหมายไกลโพ้น “หมู่บ้านเด็กชายสึนามิไร้ญาติ กลุ่มเด็กหญิงอยู่อีกหมู่บ้าน ต้องเข้าในต้นมะพร้าวต้นนั้น” เด็กน้อยบอกทำไมว่ะ ไม่อยากไป แล้วผมก็พูดเบาๆ ว่ามาทำอะไรที่นี่ ทำหน้าตาเอ๋อเหรอประกอบ หญิงชุดขาวคลายสงสัย “อันที่จริงฉันไม่ได้ตั้งใจพาคุณมาเห็นนี่เป็นสิ่งแรก แต่คุณคิดว่าผีไม่น่ากลัวไม่ดูร้าย ผีก็เหมือนคน มีทั้งน่ากลัวและน่ารัก ที่ฉันพาคุณดูนี่คือผีแบบน่ารักนิดๆ น่ากลัวหน่อยๆ เด็กพวกนี้น่าสงสาร หาทางกลับบ้านไม่เจอ พวกเขาพลัดหลงกับพ่อแม่ที่ร่างกายจมลึกไปกับท้องทะเล”

“น้าหาแม่ผมเจอหรือยัง” เด็กชายคนเดิมถาม หญิงสาวให้คำตอบเด็ก “ไม่จ่ะ น้ายังไม่เห็น” แล้วเล่าให้ผมฟังว่าแม่ของเด็กคนนี้เดินเร่ขายเครื่องดื่มอยู่หน้าหาด วันเกิดเหตุเป็นวันหยุดเรียน เด็กชายนอนหลับฝันหวานที่ห้องเช่า ฝ่ายแม่เดินออกจากบ้านมาทำงานไม่ทันไรก็... เด็กที่เหลือวิ่งมาถึง ทุกคนดูกระหืดหอบ ส่งคำถามเดียวกัน พบพ่อแม่ หรือญาติของเขาบ้างไหม หญิงสาวส่ายหน้า แววตาสังเวชเวทนาในลิขิตโชคชะตาฉายฉาน

"ผมไม่อยากไปไหนแล้ว คุณปล่อยผมเถอะ" ผมพูดใส่หน้าหล่อน หยิบผ้าขาวขึ้นมาคลุมตัว ฉับพลันก็หลุดลงไปในโพรงมืด แหกปากร้อง "อย่า อย่า อย่า"



บทที่ 2 ยังไม่จบ ทว่าบทความหายจากที่เก็บไฟล์ ต้นฉบับหลายหน้าจัด สบโอกาสจะพิมพ์มาแปะใหม่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น