วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

Life after life



เพราะว่ายังรู้ว่าความยากลำบากที่สุดของการมีชีวิตอยู่คือ การรู้จักคุณค่าในตัวเอง มันถึงมีวันใหม่เริ่มขึ้นวันแล้ววันเล่า

“เมื่อวานผมรับประทานข้าวและกินยาครบมื้อตามที่หมอบอก แล้วยังปลูกต้นไม้ด้วยหนึ่งต้น” เขาพูดแล้วอมยิ้ม แม้นัยน์ตายังดูลอยๆ

ผู้ชายในชุดเสื้อกาวน์สีขาวสะอาดตา ท่าทางดูยิ้มแย้ม เป็นมิตรกับคนทั่วไป ทว่าเมื่ออยู่ใกล้ชิดเด็กชายอายุ 14 ปี เขากลับดูอบอุ่นใจดีเป็นมิตรขึ้นอีกเป็นทวีคูณ

“ถ้างั้นพรุ่งนี้ ลองปลูกต้นไม้เพิ่มอีกต้นสิ ปลูกเผื่อหมอด้วย” เขาตอบกลับไปว่าอย่างนั้น

“ครับ อาหมอ” เด็กชายรับคำพร้อมแววตาสุกใสเปล่งประกาย ขอบปากเหยียดมุมกระดกขึ้นเล็กน้อย ทำทีท่าว่ากำลังยิ้มนิดๆ

1.
แต่ไหนแต่ไรมา เขารู้สึกว่าการทำหน้าที่หมอผู้บำบัดจิตใจคนให้ผ่องแผ้ว ไม่ใช่เพียงหน้าที่ของเขาแล้ว หากเสมือนชีวิตจิตใจ เขาเคยคิดเหมือนกันว่าถ้าตื่นขึ้นมาแล้ว วันหนึ่ง...เขาหดหู่เสียใจให้กำลังใจใครไม่ได้ แม้แต่ตัวเอง วันนั้นเขาจะทำอย่างไรกับชีวิต จะร้องไห้ จะเงียบงัน หรือหัวเราะให้กับชีวิต เขาพยายามนึกถึงห้วงเวลาที่เสมือนว่าตนเองเดินอยู่ท่ามกลางละอองอากาศขาวขุ่นดั่งปุยเมฆที่นวลฟูจับตัวเป็นหมอกหนา แต่ข้างหน้ากลับไม่มีอะไรให้มองเห็นมากไปกว่านั้น ทำให้เชื่อได้ว่าไม่มีใครที่เขาจะให้คุณค่ากับคนคนนั้นได้คอยอยู่ ในทางกลับกันถ้าเขาไม่มีใครเลยสักคนที่จะมอบรอยยิ้มอันแสดงถึงคุณค่าเล็กๆ ที่เขามีอยู่พอให้ใจได้ฉ่ำชื้น

เขาคิดอยู่ชั่วครู่

2.
“พี่เปิดซิงเกิลใหม่ของ “Flo Rida” ให้หน่อย มิกซ์จ๊าบๆ นะเพ่ แตร๊งค์ๆๆ” เขาใช้นิ้วกลางและนิ้วชี้จ่อที่ริมหน้าผากคล้ายกระทำวันทยาหัตถ์แทนการขอบคุณอีกรอบแล้วเดินหันหลังจากไป

ในยามค่ำคืน ผับเธคที่เปิดเพลงเสียงดังอึกทึก แสงสีและไฟสลัวๆ ที่ฉาบเคลือบทั้งเวลาและสถานที่ไว้ให้ดูเหมือนเป็นยี่ห้อของมัน ผู้คนแต่งสวยแต่งหล่ออวดโฉมเฉลา แน่นอนว่าพวกเขาตั้งใจแต่งมาเพื่อให้คนอื่นดูชม หรือไม่ก็เพื่อเคารพและให้เกียรติกับเวลาและสถานที่ เวลาแบบนี้แต่งตัวมอซอมาก็ได้ มันก็ไม่ได้ผิดกฎ กฎที่แท้จริงอาจมีอยู่แค่ว่า มาพักผ่อนตามอัธยาศัยแล้วมีเงินจ่ายเท่านั้น หากแต่ถ้าอยากแต่งชุดอยู่บ้านมาผับบาร์ซึ่งมีคนมารวมกันเพื่อฉลอง สังสรรค์ ทำความรู้จักก็อาจจะดูเหมือนเขาน่าจะอยู่บ้านรู้จักกับตัวเองมากกว่าที่จะมาในสถานที่แบบนี้

“มาร์การิต้า 1 โซดาเพิ่มอีก 2 โต๊ะ 4” ผู้ชายใส่เสื้อเชิ้ตสีดำ ซึ่งดูก็รู้ว่าคือบริกร กำลังพูดกับเพื่อนร่วมงานที่อยู่หน้าบาร์ด้วยเสียงก้องแต่เรียบรื่นคล้ายว่าไม่มีเจตนาหรือจุดประสงค์ที่จะหมายความอะไรนอกเหนือไปกว่านั้น ในตอนแรกที่เขาทำงานที่นี่ เขาไม่เคยชอบมันเลย แม้จะเป็นงานที่เขาท่องไว้ในใจเสมอว่าคือ การให้ความสุขแก่ผู้อื่น ยิ่งพยายามก็เหมือนยิ่งฝืน เพราะเมื่อต้องรองรับคำสั่งของผู้คนทุกอย่างที่มากกว่าออร์เดอร์อาหารและเครื่องดื่ม แม้ว่าเขาจะตอบคำถามการสมัครงานเข้ามาว่า เขามาทำงานที่นี่เพราะรักงานบริการ นั่นก็หมายถึงการทำให้คนอื่นมีความสุข เขาก็ยังรู้สึกว่า งานหน้าบาร์ที่คอยเตรียมเครื่องดื่มให้ผู้อื่นกลับดูมีความสุขมากกว่า

3.
“กินข้าวหน่อยสิลูก อย่ามัวกินแต่ขนม แม่ต้องทำงานนะ หนูโตแล้วนะ กินข้าวอีกหน่อย ดูสิ คิตตี้ดูเหี๊ยว...เหี่ยว”

“คร้า...ถ้าหนุกินแล้วคิตตี้โตขึ้น หนู๊จะได้คิตตี้ใหม่อีกตัวใช่ไหมค้า” สาวน้อยพูดกับมารดาเสียงอ่อนเสียงหวาน

“แม่บอกไม่ได้จ่ะ เพราะแม่ยังไม่คิดว่าคิตตี้จะโตขึ้น ถ้าหนูกินข้าวทีละคำสองคำแบบนี้”

“อ่า...แม่อ่ะ” เด็กหญิงคนเดิมบ่นอุบอิบพลันยืดตัวแมวคิตตี้บนเสื้อยืดให้ขยายใหญ่ขึ้น ผู้เป็นแม่ที่นั่งอยู่ข้างกาย รอบตัวเธอมีแต่กองเอกสารหนาตึกที่นำกลับมาจากที่ทำงานมาตรวจแก้ไขในวันหยุดพักผ่อน...ชำเลืองมองแล้วได้แต่อมยิ้มอย่างอารมณ์ดี พลางมองค้อนสาวน้อยสุดที่รักนิดๆ

4.
บรรยากาศในโรงพยาบาลวันนี้อึมครึมเนื่องจากฟ้าฝนเบื้องบนเหมือนจ้องจะตกห่าใหญ่แต่หัววัน ผู้คนต่างรีบร้อนเข้ามาในโรงพยาบาล บ้างหนีฝน บ้างก็อยากได้คิวตรวจรักษาที่รวดเร็วขึ้น เขาเดินตรงจากด้านหน้าโรงพยาบาลมายังโต๊ะคิวรอตรวจอาการ แล้วจึงเข้าไปที่ห้องตรวจไข้อย่างรีบร้อน เพราะอยากตรวจประวัติคนไข้ที่เขานัดพบในวันนี้ก่อนการตรวจรักษาจริง ที่หน้าห้องของเขามีพยาบาลร่างบางยิ้มรับอรุณและกล่าวสวัสดีทักทายด้วยสีหน้ายิ้มน้อยๆ ก่อนจะเริ่มทำงานจริงๆ เขาเอะใจเล็กน้อยที่เมื่อเปิดประตูห้องบานเดิมในวันนี้ เด็กชายคนเดิมผู้ซึ่งไม่มีคิวตรวจ มานั่งรอเขาอยู่ในห้องอยู่แล้ว

“อ้าว...ทำไมมาทำงานก่อนหน้าหมออีกเนี่ย” จริงๆ แล้วเขาตั้งใจแซวเด็กชายเล่น แต่แล้วก็สังเกตเห็นใบหน้าของเด็กชายที่เอี้ยวตัวกลับมามอง เขาตาบวมนิดหน่อยเหมือนผ่านการร้องไห้มาแล้วชั่วครู่

“หมอครับ ผมปลูกต้นไม้ให้หมอแล้วนะครับ” เด็กชายพูดแล้วเงียบไปอีกครู่

“สุนัขที่บ้านของผม ผมสนิทกับมันมาก มันตายแล้วครับหมอ ผมจะไม่มีวันได้เจอมันอีก ผมร้องไห้เพราะเสียใจมากจริงๆ แต่ผมก็ดีใจเหมือนกันครับ ที่มันตายอย่างสงบ...ตัวมันยังอุ่นอยู่เลยตอนที่ผมเดินออกจากบ้าน ข้ามถนนมาหาหมอ”


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น