วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2552

สาวเชียร์เบียร์

Volume magazine
Rewind October 02 2007
เรื่อง นงนภัส

สาวเชียร์เบียร์

พรายฟองเบียร์ที่ถูกรินจากมือคู่เรียวสวยของสาวเชียร์เบียร์หน้าหวาน--ภาพที่เห็นได้อย่างกลาดเกลื่อนตามร้านอาหาร ลานเบียร์ และคาเฟ่ในชั่วโมงนี้

หากจะกล่าวถึงที่มาของสาวเชียร์เบียร์ คงต้องจัดกลุ่มคนอาชีพนี้เป็นส่วนหนึ่งในอุตสาหกรรมพริตตี้ (สาวเชียร์สินค้า) อุตสาหกรรมที่ใช้ความงามและเรือนร่างกระตุ้นยอดขายสินค้า ร่างกายสวยงามย่อมเป็นต้นทุนชั้นดีในการสร้างทรัพย์ อาชีพสาวพริตตี้ถือเป็นอาชีพที่มีรายได้ดีของวัยรุ่นหญิงที่อยู่ในวัยเล่าเรียน

ทั้งนี้ รากเหง้าของอาชีพพริตตี้เกิดมาจากอุตสาหกรรมรถยนต์ โดยสาวพริตตี้จะมีลักษณะการจ้างงานแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ประเภทแรกคือ การจ้างงานชั่วคราวในช่วงปิดภาคเรียน ประเภทที่ 2 คือ จ้างเป็นพนักงานประจำ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่สำเร็จการศึกษาแล้ว คนที่ทำงาน พริตตี้ส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะการจ้างงานชั่วคราว เพราะนอกจากได้สลับสับเปลี่ยนหน้าตาของ พริตตี้แล้ว ความสวยงามอ่อนวัยคือสิ่งสำคัญที่ทำให้ผู้จ้างต้องการลูกจ้างชั่วคราวประเภทนิสิตนักศึกษามากกว่าลูกจ้างประจำ

หน้าที่หลักของสาวพริตตี้คือ ให้คำแนะนำสินค้า หรือพูดง่ายๆ ว่าเชียร์ให้ลูกค้าซื้อสินค้า เพราะการขายไม่ได้หมายถึงค่าคอมมิชชั่นที่สาวพริตตี้ควรจะได้ลดลง

อย่างไรก็ตาม อาชีพพริตตี้ไม่ได้มีดีแค่เพียงความสวยเพียงอย่างเดียว หากแต่ต้องมีความอดทนเป็นเลิศ ห้ามโกรธ ห้ามฉุนเฉียว และบึ้งตึงใส่ลูกค้า หากลูกค้าคนใดไม่สุภาพกับตนต้องหาวิธีแก้หรือวิธีเลี่ยงที่สงบและสุภาพที่สุด อีกทั้งยังต้องดูแลร่างกาย ห้ามอ้วน ห้ามมีสภาพร่างกายร่วงโรย สุขภาพทรุดโทรมเป็นพริตตี้ไม่ได้เป็นอันขาด

นี่แหละหนาความยากลำบากของอาชีพที่ขายเรือนร่าง (ผ่านทางสายตา)

สำหรับสาวเชียร์เบียร์--อาชีพที่สะท้อนให้เห็ถึงนโครงสร้างของสังคมแบบจำลอง ซึ่งกำลังอธิบายระบบความคิดความสัมพันธ์เชิงอำนาจ การต่อรองเชิงอำนาจระหว่างผู้หญิงกับผู้ชาย ด้วยการที่ผู้หญิงต้องใช้เรือนร่างของตัวเองเพื่อสร้างความต้องการเสพเบียร์ (สินค้าที่เป็นสัญลักษณ์ของผู้ชาย) ซึ่งทำให้ผู้ชายดูมีอำนาจมากกว่าผู้หญิงอย่างชัดเจน

เพราะกว่าสาวเจ้าจะเชียร์เบียร์ได้แต่ละขวดต้องใช้ทั้งความงามของหน้าตา จริตมารยา รอยยิ้มหวาน และคำพูดจาไพเราะเสนาะหู บอกได้เลยว่าอาชีพนี้เหนื่อยแสนเหนื่อย ที่สำคัญที่สุดสาวเชียร์เบียร์ไม่ได้มีรายได้งามเหมือนพริตตี้ขายรถยนต์ ที่จะได้รับค่าคอมมิชชั่นเยอะๆ ให้หายเหนื่อย

ปัจจุบันสาวเชียร์เบียร์ร้อยละ 70 เป็นแรงงานหญิง--นิสิตนักศึกษาที่หารายได้พิเศษด้วยรูปแบบอาชีพสาวเชียร์เบียร์ บริษัทที่รับพนักงานเชียร์เบียร์จะคัดเลือกผู้หญิงผิวพรรณสวย หน้าตาและรูปร่างดี (ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับว่าสาวเชียร์คนนั้นขายอยู่ที่ใด หากขายอยู่ในร้านอาหารเกรดเอย่อมต้องสวยมากเป็นธรรมดา แต่ถ้าเป็นร้านอาหารทั่วไปคุณสมบัติหลักคือขอให้รูปร่างดีไว้ก่อน) เพราะว่าต้องใส่ยูนิฟอร์มสั้นรัดรูป สวมรองเท้าส้นสูง ยืน เดินและเชียร์ให้ลูกค้าซื้อเบียร์ทั้งคืน

แน่นอนว่าสำหรับผู้ที่เริ่มอาชีพสาวเชียร์เบียร์ ก่อนการปฏิบัติงานจะมีการอบรมการเอาใจลูกค้า โดยเน้นวิธีและหนทางที่จะทำให้ลูกค้าซื้อเบียร์ การตั้งเป้ายอดขายทำให้พวกเธอทราบถึงจำนวนยอดเบียร์ที่ขาย หากขายได้ตามยอด สาวเชียร์เบียร์จะได้รับค่าคอมมิชชั่นเพิ่มเติม ซึ่งยากมากที่พวกเธอจะได้ค่าคอมมิชชั่นนั้น เพราะความต้องการดื่มเครื่องดื่มมึนเมาของลูกค้ามีอย่างหลากหลาย

ดังนั้น อัตราค่าจ้างของพวกเธอจึงได้รับเป็นรายวัน สำหรับผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ตกอยู่ที่วันละ 150 บาท และผู้มีประสบการณ์ตกอยู่ที่วันละ 200-250 บาท โดยเริ่มงานเวลา 18.00-24.00 น. แต่สามารถกลับบ้านได้เมื่อเวลา 01.00 น. เพราะสาวเชียร์เบียร์จำต้องอยู่ช่วยเก็บร้าน ทั้งๆ ที่ไม่ใช่หน้าที่ของพวกเธอ

นอกจากนี้พวกเธอยังมีโอกาสเสี่ยงมากที่จะถูกคุกคามทางเพศ (เพราะด้วยหน้าที่ของเธอนั้นเปรียบเสมือนวัตถุทางเพศอยู่แล้ว) เชื่อไหมว่าแค่พวกเธอบางคนเสียงห้วนและลูกค้านำไปฟ้องกับนายจ้าง อาจเป็นเหตุให้ค่าจ้างในวันนั้นถูกหัก ในกรณีที่บริการลูกค้าไม่สุภาพ ดังนั้น ฉันในฐานะคนนอกอาชีพบอกได้เลยว่าสาวเชียร์เบียร์คืออาชีพที่ขาดอำนาจการต่อรอง และเท่าที่ทราบยังไม่มีกฎหมายออกมาคุ้มครองพวกเธออย่างจริงจัง

ถ้าคุณแวะไปรับประทานที่ร้านอาหารแล้วได้ยินเสียงว่า "พี่คะดื่มเบียร์ไหมคะ" หรือว่า "พี่คะเบียร์ตัวนี้รสชาติดีนะคะ" ขอให้คุณตอบเธออย่างสุภาพเถอะค่ะ แม้ว่าคุณไม่ได้กระหายเบียร์ก็ตาม

เพราะพวกเธอทำงานแลกเงินด้วยน้ำเสียงอันไพเราะ เปื้อนรอยยิ้มหวานๆ และหยาดเหงื่อชุ่มตัว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น