วันศุกร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2553

จูลี่ในโรงงานสตรอว์เบอร์รี่


ในภาวะที่เศรษฐกิจโลกประสบปัญหาจากภัยธรรมชาติและความยากจน ภาคธุรกิจก็ล้มระเนนตกตามกันไป รวมถึงโรงงานสตรอว์เบอร์รี่ในดินแดนคิมานาเซ่ อันเคยเฟื่องฟูถึงขีดสุดเมื่อปลายทศวรรษที่แล้ว “ผมคิดว่าปลายปีนี้จะขายหุ้นโรงงานสตรอว์เบอร์รี่ หุ้นตกระนาว ไม่มีทีท่าขึ้น เพราะในยุคที่บะหมี่สำเร็จรูปขายดีคนก็เลิกกินสตรอว์เบอร์รี่ราคาแพงแล้ว ต้นทุนการผลิตก็สูง ผมเกรงว่าจะแบกรับภาระนี้ไว้ไม่ไหวอีกแล้ว” พาร์ล จุง ประธานหอการค้าคิมานาเซ่ และเจ้าของโรงงานเอ่ยขึ้นในที่ประชุม หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมงานภาครัฐวิสาหกิจเสร็จแล้ว จึงถือโอกาสนี้บอกขายธุรกิจกลางโต๊ะประชุมเสียเลย
“ดิฉันจะซื้อเองค่ะ” จูลี่ นักเรียนนอกจากเลอ กอร์ดองเบลอ ฝรั่งเศส ลูกสาวประธานธนาคารแห่งคิมานาเซ่ และหนึ่งในกรรมการหอการค้ารีบขอซื้อ
“ทำไมถึงกล้าซื้อ โรงงานนั้นเน่ามากเลยนะ” คุโรมิ กระซิบกระซาบถามอย่างเกรงใจประธานในที่ประชุม
“ก็เพราะฉันไม่กินอะไรเลยนอกจากสตรอเบอร์รี่ล่ะสิ ไม่อยากเห็นมันสาบสูญ และฉันยังมองเห็นลู่ทางในอนาคตมากมาย เธอจะได้เห็นมัน อีก 5 ปี ข้างหน้า สัญญาว่าแค่ 5 ปี เท่านั้น ฉันจะทำให้ ร้านสะดวกซื้อทุกร้านมีผลิตภัณฑ์ของฉันวางจำหน่าย”
“จ้า เธอเก่งมาตั้งแต่ ป. 1 ใครๆ ก็รู้” คุโรมิกระซิบอีกที
“ผมดีใจมาก ถ้าจะได้นักธุรกิจรุ่นใหม่อย่างคุณรับช่วงโรงงานที่รักต่อจากผม”
“คุณให้ราคาเท่าไหร่ ฉันก็ซื้อ แต่ขอราคาที่สมเหตุสมผล ถ้าคุณยังรักโรงงานและอยากเห็นโรงงานมีอนาคต” จูลี่ต่อรองกับพาร์ล จุง ผู้ที่เก๋าเกมกว่าเยอะ
พาร์ล จุง หมุนเก้าอี้นวมไปมา เหมือนอาการหงุดหงิดหรือคิดอะไรอยู่ แต่แล้วก็ระเบิดเสียงหัวเราะ “ฮ่า ฮ่า ฮ่า แม่หนูนี่ใจถึงพิลึกคน กล้ามากที่พูดตรงๆ ผมให้คุณฟรีๆ ในฐานะที่พ่อของคุณเคยช่วยเหลือครอบครัวของผมตอนที่ผมสู้รบในช่วงสงครามโลกครั้งสุดท้าย”
จูลี่ไม่เก่งประวัติศาสตร์จึงเกาหัววนเป็นกลมๆ อะไรหว่าคือสงครามโลกครั้งสุดท้าย ที่เขาทุบกำแพงเมืองจีน่านาน้อยหรือเปล่าน้า อ่า...ใช่ตอนที่หมีหิมะย้ายจากขั้วโลกมาอยู่ในนอสซี่รีเลีย หรือที่สหรัฐอารวมมีการ่วมมือกับรัฐบาลอีหว่านกวาดล้างกลุ่มอัลกออิด่ะปะปะ
ไม่ต้องนึกนานหรอกอีหนู เดาอีกล่ะซี่...
แล้วพาร์ลก็เล่าเรื่องย้อนอดีตให้ลูกสาวผู้มีพระคุณฟัง
“ตอนนั้นลุงยังเป็นหนุ่มอายุ 19 ปี ได้มั้ง ทางรัฐบาลก็ให้ไปช่วยรบในสงครามกงกอย ลุงเป็นทหารชุดแรกๆ ที่ทางรัฐบาลส่งไป รุ่นลุง ตายไปแล้วก็มี พิการก็เยอะ ลุงกลับมาได้อย่างปรกติสุขก็เพราะคุณพ่อของหนูนี่แหละ ช่วยลุงไว้ ตอนนั้นเราเป็นทหารเหมือนกัน โจรจีฉ่อยมันเพ่งเป้ามายิงที่ลุง พ่อของหนูนี่ล่ะ ยิงบาซูก้าต้านกำลังอีกฝ่ายไว้ ช่วยชีวิตลุงไว้ได้อย่างหวุดหวิด เราตีทัพนั้นแตก ทางรัฐบาลก็เรียกกลับเพื่อให้ไปตัดแว่น เนื่องจากลุงสายตาสั้นมาก ยิงไม่เคยถูกเป้า ทีนี้ทางรัฐบาลก็เลยไม่เรียกลุงใช้งาน พ่อของหนูก็ช่วยลุงไว้อีกครั้ง ให้ยืมเงินก้อนแรกมาทำทุน ลุงจึงกลับบ้านมาปลูกสตรอว์เบอร์รี่เป็นรายแรกๆ ได้ผลผลิตดีเชียว กำไรก็งาม ทำได้ไม่กี่ปี ก็ใช้คืนพ่อของหนูได้หมด แถมยังเปิดโรงงานส่งออกสตรอว์เบอร์รี่ที่ลุงขายให้หนูนี่ล่ะ กิจการเฟื่องฟูมากในช่วงเศรษฐกิจดีๆ เพราะเป็นสินค้าที่ลุงได้รับสัมปทานเป็นรายใหญ่ หลังๆ มานี่ กิจการลุงก็เยอะขึ้น ดูแลไม่ทั่วถึง และภาวะเศรษฐกิจโลกตกต่ำ โรงงานก็เลยเป็นอย่างที่หนูเห็น ไว้พรุ่งนี้ ลุงจะพาหนูไปเที่ยวชมโรงงาน หนูว่างไหม รู้จักโรงงานลุงหรือเปล่า”
หลังจากที่นั่งฟังมานานจูลี่จึงได้คราวพูดบ้าง
“ว่างค่ะ แล้วรู้จักโรงงานคุณลุงด้วยค่ะ”
“งั้นพรุ่งนี้หนูมาหาลุงที่โรงงานสักสิบโมง มาถึงก็โทร. เข้ามาเดี๋ยวลุงส่งคนไปรับ ลุงจะพาหนูดูให้ทั่วโรงงาน รวมถึงไร่สตรอว์เบอร์รี่ที่ภาคภูมิใจของลุงด้วย”
จูลี่ยืนขึ้น แล้วถอนสายบัว ฉีกกระโปรงพลีตสีชมพูบานแฉ่งแทนยิ้มหวานๆ

โรงงานของลุงพาร์ล เสื่อมโทรม ผนังโรงงานคราบเหลืองน้ำตาล หลังคามุงสังกะสีสนิมเกรอะ ดูไม่เหมือนโรงงานที่ผลิตสินค้ามีราคา จูลี่ส่ายหัว เพราะผิดหวังมากกว่าที่คิด
ทันทีที่จอดรถตรงพื้นดินลูกรัง เสียงดินทรายดังส้วกเหมือรถเบรก
เมื่อจูลี่เปิดประตูจากรถยนต์กันกระสุนแข็งแรงของคุณพ่อ
ผู้ชายดูมอซอ หน้าตาไร้เอกลักษณ์ ผมตั้งตรงแหลมชะลูด ก้าวขาเข้ามาหาด้วยท่าทีที่สุภาพ ยืนมือทักทาย “ผมชื่อชาวสวนครับ เป็นผู้ดูแลโรงงานและไร่สตรอเบอร์รี่”
“ค่ะ ดิฉันจูลี่” หล่อนยื่นมือจับตอบ
“ผมอาสาพาคุณไปดูโรงงานเองครับ” ชาวสวนเดินนำทางจูลี่จนถึงประตูหน้าทางเข้าโรงงาน เขาผลักจูลี่เข้าไปแล้วล็อกประตูด้านนอก
“คุณทำอะไรน่ะ ปล่อยฉันนะ ปล่อยฉัน” ปั่ง ปัง ปัง จูลี่ทุบประตูร้องแรกแหกกระเชอจนกระดูกหลังโปนปูด
“เชิญคุณสนุกกับโรงงานเต็มที่ ผมมีธุระต้องจัดการลุงที่รักของคุณก่อน ผมไม่ยอมให้ใครชุบมือเปิบโรงงานนี้จะเสื่อมโทรมและตกเป็นของผมในที่สุด” เสียงรอยเท้าย่ำเศษใบไม้ดังกรอบแกรบค่อยๆ ค่อยลง
“เจ้าชาวสวน เจ้าคนชั่วร้าย คนอย่างเจ้าไม่มีทางดูแลสตรอว์เบอร์รี่ได้ เจ้าแข็งกระด้างและมืดหม่น สตรอว์เบอร์รี่อยู่กับเจ้าไม่มีทางเห็นอนาคตสว่างไสว ฉันจะช่วยสตรอว์เบอร์รี่” เสียงข้างนอกเงียบสนิท ไม่มีแม้เสียงฝีเท้าผู้คนเหลือสักราย ชาวสวนจากหล่อนไปตอนที่หล่อนร้องประท้วงเสียงดังอยู่
เธอหอบแฮกเพราะขัดขืนจนเหนื่อย อุทานเสียงดัง
“ตายล่ะ! ฉันจะทำอย่างไรต่อไปดี”
จูลี่มุ่งไปที่สวิตช์ไฟข้างประตู เปิดไฟทุกดวง สตรอว์เบอร์รี่มีชีวิตลูกใหญ่เบิ้มเคลือบน้ำตาลมันเยิ้ม สูงเท่าไหล่ของจูลี่ น้อมขั้วทำความเคารพ
“สวัสดีครับ นายหญิงคนใหม่ของเรา”
หา.... อะไรนี่ สตรอว์เบอร์รี่ยักษ์พูดได้ พิลึกกึกกือจริง...จริง จูลี่เก็บความตกใจไว้ได้ไม่บกพร่อง
“สวัสดีจ่ะ คุณสตรอว์เบอร์รี่”
“ยินดีต้อนรับนายหญิง” สตรอว์เบอร์รี่อีกหลายลูก ขนาดลดหลั่นกันไป บางลูกโรยไอซ์ซิ่ง แบบเคลือบช็อกโกแลตก็มี กระโดดอย่างเป็นระเบียบเข้ามาจุดพลุกระดาษปาร์ตี้ต้อนรับ
“ทำมายยย” จูลี่ค้างสีหน้าตกใจ ดีใจ ประหลาดใจในคราวเดียว เมื่อรวมทั้งหมดกลายเป็นหน้าเหวอ อ้าปากหวอ
“ทำไมพนักงานที่นี่ถึงเป็นสตรอว์เบอร์รี่หมดใช่ไหม?”
“ช่ายค่ะ”
สตรอว์เบอร์รี่ลูกใหญ่เบิ้มอธิบายความว่า “เพราะเราถูกสาปด้วยมนตร์ดำร้ายกาจจากพ่อมดชาวสวนให้กลายเป็นผลไม้ คำสาปจะสลายได้ก็ต่อเมื่อเจอคนที่รักโรงงานนี้ดั่งดวงใจเท่านั้น พวกเราจึงหวังว่าคุณจะช่วยเราได้”
“ฉันรักสตรอว์เบอร์รี่ดั่งดวงใจนะ ทำไมพวกคุณถึงยังคืนร่างไม่ได้” จูลี่ตีสีหน้าไม่เข้าใจ ปากย่นยู่ หล่อนไม่เข้าใจจริงๆ
“นั่นเพราะว่าคุณยังรักไม่พอ” สตรอว์เบอร์รี่ป่าลูกเล็กของโปรดของจูลี่บอกเป็นนัย
จ้อกกก... จูลี่ท้องร้อง น้ำลายท่วมปากด้วยความหิว สตรอว์เบอร์รี่ป่าของโปรดของหล่อน
“หา...อะไรนะ รักไม่พอ ทุกวันนี้ฉันแทบจะหายใจเป็นสตรอว์เบอร์รี่ได้อยู่แล้วนะ” จูลี่พูดกับสตรอว์เบอร์รี่ป่า อยากกินเธอจัง
“ไม่รู้ซี่ พวกเรายังไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย ยังกลับเป็นมนุษย์เหมือนเดิมไม่ได้สักที คุณหดหู่อยู่หรือเปล่า ที่ถูกขังไว้กับพวกเรา”
จูลี่หายหิวทันทีทีนึกได้ว่าพวกเขาแค่ถูกสาปให้เป็นสตรอว์เบอร์รี่ ไม่ใช่สตรอว์เบอร์รี่ของจริง แล้วเปลี่ยนอารมณ์มาสงสารเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายแทน ดีนะที่ไม่ถูกเจ้าชาวสวนสาปเป็นสตรอว์เบอร์รี่ด้วย
จูลี่พยักหน้าตอบ “อืม” สตรอว์เบอร์รี่ลูกใหญ่จูงมือหล่อน
“มานี่มา ถ้าคุณเห็นพวกเขา พวกเราก็ยังพอมีความหวัง”
พวกเขากระเด้งตัวตามกันเป็นกลุ่มก้อน คนใดคนหนึ่งเปิดประตูเหล็กที่ด้านในเขียนว่า ‘คลังสินค้า’ ในนั้นมีสตรอว์เบอร์รี่สดทุกสายพันธุ์ที่ชาวสวนเก็บมาเป็นของตัวเอง ขายนำเงินเข้ากระเป๋าส่วนตัว สร้างความเดือดร้อนให้กับทุกคนในโรงงาน ดังนั้น เมื่อพนักงานจะประท้วง ชาวสวนก็เลยใช้คำสาปขังพวกเขาไว้ที่นี่

จูลี่ตาเบิกโพลงด้วยความตื่นเต้น หล่อนไม่เคยเห็นสตรอว์เบอร์รี่มากมายขนาดนั้น จ่อจมูกดม ฝังหน้าลงที่ผลผลิต
สตรอว์เบอร์รี่หวาน อัลพายสตรอว์เบอร์รี่ สตรอว์เบอร์รี่ป่าของจริง แล้วก็มีสตรอว์เบอร์รี่ยักษ์สายพันธุ์จากประเทศนี่ฝุ่น
“โอ้ โห เฮะ คืบก็สตรอว์เบอร์รี่ ศอกก็สตรอว์เบอร์รี่ ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ขอลองชิมได้ไหม”
“ได้เลยจ๊ะ สตรอว์เบอร์รี่ที่นี่กำลังจะเป็นของเธอทั้งหมด”
จูลี่กระโจนตัวลงไปในทะเลผลไม้สีแดงมีขั้วสดๆ สีเขียว โดยไม่กลัวกระโปรงบานคลุมเข่าสีขาวจะเปรอะเปื้อนแม้แต่น้อย ค่อยๆ จม ลงในกองสตรอว์เบอร์รี่ มือก็หยิบใส่ปากทีละลูกๆ “ฮืมมม อร่อย” ดูเหมือนว่าตอนนี้ชุดกระโปรงสีขาวจะเปรอะเปื้อนสีแดงเป็นดอกเป็นดวง
พลันใด ร่างของทุกคนกลายกลับเป็นมนุษย์
“ขอบคุณมาก คุณจูลี่ ดูสิ พวกเรากลายเป็นคนแล้ว” คนหน้าตาไม่คุ้นเคยกว่า 10 ชีวิต ทว่าแต่งตัวมอซอไม่แพ้ชาวสวนกล่าวขอบคุณ
“เอาล่ะ คุณจูลี่ นี่ไม่ใช่เวลากิน เราต้องช่วยท่านประธานให้ได้ก่อน ท่านตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย” ใครสักคนปลุกคิดให้ทำอะไรก่อนหลังเป็นขั้นเป็นตอน
หลังจากนั้นกลุ่มม็อบต่อต้านชาวสวนก็ระดมพล พังประตูโรงงาน โทร. แจ้งตำรวจพ่อมด ลอบเข้าไปช่วยท่านประธานที่ถูกมัดด้วยเชือกผ้าฝ้ายในห้องทำงาน
ตำรวจพ่อมดฝ่ายดีจัดการพ่อมดชาวสวนเสียราบคาบ โรงงานสตรอว์เบอร์รี่กลับมาเป็นสุขอีกครั้ง หลังท่านประธานพาร์ลทำพิธีส่งมอบโรงงานให้แก่จูลี่
เมื่อจูลี่เข้ามาบริหารงาน พนักงานทุกคนต้อนรับหล่อนอย่างอบอุ่น จูลี่รักไร่สตรอว์เบอร์รี่ที่ทอดยาวสุดลี้ลุกหูลูกตาหลังโรงงานมาก หลังคาซุ้มสตรอว์เบอร์รี่สีขาวปรับอากาศบ่มเพาะผลผลิตทุกวัน เขาเข้าใจเลยว่าทำไมชาวสวนถึงอยากฮุบผลผลิตดีๆ ไว้ลำพัง จูลี่เลี้ยงสตรอว์เบอร์รี่แต่ละต้นอย่างเลี้ยงลูก หาปุ๋ย เดินตรวจตรา คุยกับมัน ทะนุถนอม ผลผลิตจึงงามขึ้นๆ จินตนาการอันเหลือล้นของจูลี่ ทำให้ผลิตสินค้าที่ทำจากสตรอว์เบอร์รี่กว่า 100 ชนิดออกสู่ท้องตลาด รวมถึงสตรอว์เบอร์รี่ป่าอบแห้งที่ไม่เคยผลิตสู่ร้านสะดวกซื้อเพียงพอ
ในเวลา 5 ปีต่อมา ข้างๆ โรงงาน กำเนิดห้างสตรอว์เบอร์รี่ ทั้งเสื้อผ้า ร้านอาหาร อุปกรณ์ต่างๆ และซูเปอร์มาร์เก็ตของกินที่แปรรูปจากสตรอว์เบอร์รี่ น้ำแร่สกัดกลิ่นสตรอว์เบอร์รี่ ทัฟเฟิลสตรอว์เบอร์รี่หวานติดลิ้น บะหมี่เย็นสำเร็จรูปรสสตรอว์เบอร์รี่
กระนั้นกระนี้ กระทั่งกำแพงด้านในด้านนอกยังเป็นลายสตรอว์เบอร์รี่ป่าเล็กๆ คล้ายลูกอม ที่นี่กลายสภาพเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในดินแดนมิคานาเซ่ที่แขกบ้านแขกเมืองไหลทะลัก โดยเฉพาะสาวๆ
ทั้งหมดสำเร็จได้เป็นเพราะความพยายาม ความรักในสตรอว์เบอร์รี่ และความตั้งใจจริงของจูลี่และทีมงาน
ปรบมือให้เสียงดังๆ หน่อยค่ะ

บอกฉันบอกเธอ
คิดดี ทำดี เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ร้ายให้กลายเป็นดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น