วันศุกร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2553

เสน่ห์เอเชี่ยน


ภาพฉายแทนสายตามนุษย์
คัต!!!
“เหนื่อยจังเลย ทำไมวันนี้มีแต่ซีนยากๆ” ใบเตยใบยาวสีสวยไร้ที่ติโอดครวญกับผู้กำกับฮาริกโก้ (ชื่อของเขาแปลเป็นภาษาไทยว่า ถั่วแขก)
โนริสาหร่ายเดินหน้าบูดเข้ามา
“ผู้กำกับฯ คะ ทำไมต้องเอาหนูมาถ่ายคู่กับใบเตยที่สีเขียวเหมือนกัน เมื่อวานก็ถ่ายคู่กับใบกระเพรา อยู่ด้วยกันก็มีแต่กลืนๆ กลมกลืน ไม่มีใครเด่น ไม่สิ! หนูไม่เด่น แม่นั่นเด่นกว่าเพราะว่าตัวสูงและสด สีสว่างกว่า” หล่อนกระทืบเกี๊ยะไม้กึงๆ สะบัดหน้าจนสะเก็ดสาหร่ายเผลอหล่นผล่อยๆ
“มันยังใช้ไม่ได้น่ะสิ” ผู้กำกับมาดเข้มพูดเชิงตำหนิ
“หา... ทำไม พวกเราทั้งดัดตัว เอี้ยว สะบัด สลัด สารพัด อะไรกัน! ยังใช้ไม่ได้รึไงนี่” นึกว่าโนริสาหร่ายจะหยุดปากบ่น หารู้ไม่ ว่าไม่มีอะไรมาหยุดยั้งได้ เธอรู้ว่างานโฆษณาเสน่ห์เอเชี่ยนครั้งนี้ ไม่มีทางขาดเธอได้ ตราบใดที่ญี่ปุ่นยังเป็นเผ่าพันธุ์สำคัญในเอเชีย เธอก็คือนักแสดงหลักที่ผู้กำกับจะขาดเสียไม่ได้
นั่นเป็นเพราะความเข้าใจผิดแท้ๆ ที่เข้าใจว่าโนริสาหร่ายกำเนิดที่ญี่ปุ่น อันที่จริงโนริสาหร่ายเกิดขึ้นจากที่อังกฤษและเวลล์ เรียกอีกชื่อว่า “ลาเว่อร์”
แล้วๆ โนริสาหร่ายที่โด่งดังในญี่ปุ่นจนนึกว่ามันเป็นของญี่ปุ่นแท้ๆ ก็รับจากทวีปอเมริกาเหนือเข้ามาอีกที
“ก็เพราะว่ามันยังไม่ได้ระดับน่ะสิ่” ถั่วฮาริกโก้ตะคอก เขาเกลียดกริยาไร้ความคาราวะของโนริสาหร่ายเสียเหลือเกิน เกิดสงสัยว่าหล่อนเกิดที่ญี่ปุ่นจริงๆ หรือเปล่า ทำไมอุปนิสัยนอบน้อมถ่อมตนไม่มีเหมือนคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่เลย
ทว่า มันไม่ใช่ปัญหาจากสายพันธุ์ ต้นกำเนิดนิสัยเสียจริงๆ อยู่ที่กมลสันดานต่างหาก
และหารู้ไม่ว่าฮาริกโก้เองน่ะแหละ เป็นตัวตั้งตัวตีชวนผู้อื่นทะเลาะ
มะเขือเทศผู้ช่วยผู้กำกับฉุน จึงถามขึ้นมาบ้าง “ผู้กำกับถ่ายงานนี้มากี่วันแล้วคะ”
“3 วัน” เขาตอบโดยที่ไม่รู้สึกตัวว่าใช้เวลาถ่ายทำมากเกินไปแล้ว “ทำไมเหรอ ก็ในเมื่อมันห่วย ผมก็จะทำจนกว่ามันจะดีถึงระดับ ถ้าคุณไม่มีความพยายาม คุณก็ไม่ควรมาเป็นลูกน้องผม”
เขาดุลูกน้อง มะเขือเทศแก้มแดงปลั่ง อับอายขายหน้าที่โดนดุต่อหน้าต่อตานักแสดง ถั่วแขกชอบข่มคนเป็นที่สุด วันนี้ก็เช่นกัน
“วันนี้นักแสดงเลิกกองได้ พรุ่งนี้เจอกันตอน 8 โมงเช้า กรุณามาทำงานในสภาพสมบูรณ์ ถ้าใบใครเว้าแหว่ง ลำตัวขาดรุน พรุ่งนี้รูปร่างไม่สมบูรณ์จะถูกตัดสิทธิ์ออกจากการเป็นนักแสดง ส่วนทีมงาน ประชุมงานที่ห้องประชุมอีก 10 นาที”
ถั่วฮาริกโก้สั่ง แล้วเดินออกไปหาปุ๋ยสูตรน้ำกิน

“อะไรว่ะ ไอ้โน่นก็ไม่ดี ไอ้นี่ก็ไม่เอา” มะเขือเทศบ่นกับผักชีฝรั่ง
“คงคิดอะไรขึ้นมาใหม่แล้วอยากจะลองของ แกก็รู้ว่าตาถั่วนั่นจะเอาอะไรก็ต้องเอาให้ได้ เชื่อเด่ะ ว่าพรุ่งนี้ต้องมีอะไรใหม่ที่อยากได้ ถึงเรียกพวกเราประชุมอีก แกว่างานนี้ใครซวย” ผักชีฝรั่งผู้ช่วยผู้กำกับฯ ที่สองลองเชิงถามคำถามเพื่อน
“ทั้งหมด” มะเขือเทศเคี้ยวหมากฝรั่งแก้เซ็ง หยึ่ย หยึ่ย หยึ่ย...
“แหม แก ตอบงี้ก็ถูกน่ะสิ ฉันถามใหม่ดีกว่า ใครซวยที่สุด”
“ฟักทอง”คราวนี้ผู้ช่วยผู้กำกับฯ ที่หนึ่ง ตอบเร็ว เพราะจากสถิติแล้ว ฟักทองฝ่ายแคสนักแสดงโดนระเบิดถั่วแขกลงอยู่บ่อยๆ
“แกคิดเหมือนฉันเลยว่ะ ฉันว่าไอ้ฟักทองซวยสุด” ผักชีฝรั่งค้อมหัวเอนไปเอียงมา อย่างคนไม่รู้จะทำอะไรต่อไป

ในมุมห้องแต่งตัว, ใบเตยกำลังลบเครื่องสำอางเคลือบใบออกเพื่อให้ผิวใบได้พักผ่อนเจอลมอากาศของโลกความเป็นจริงบ้าง โนริสาหร่ายก็เช่นกันขะมักเขม้นใช้กาวใสรุ่นพิเศษติดสะเก็ดเล็กสะเก็ดน้อยเติมส่วนที่สึกหรอ ให้ผิวเต็มตึงสมบูรณ์แบบ
“ว่าไหมผู้กำกับคนนี้เรื่องมากจริงๆ ทำอย่างกับตัวเองเก่งเต็มประดา ก็จริงที่มีรางวัลประดับตัวเยอะ ไม่งั้นไม่กร่างอย่างนี้ ทั้งๆ ที่งานที่แล้วๆ มาที่ออกมาดี เพราะใช้เวลานาน อย่างนี้ใครก็ทำได้ คนเก่งที่จริง ต้องเร็วและทำงานดี” โนริสาหร่ายบ่นให้ใบเตยฟัง โดยไม่สนใจว่าใบเตยจะร่วมเสวนาด้วยหรือเปล่า แต่หล่อนถือว่าหล่อนโด่งดัง คนดังพูดใครๆ ก็ควรอยากฟังสิ
กลับกันใบเตยนางแบบน้องใหม่สดซิงกว่า พูดแดกดันอย่างไม่เห็นหัวรุ่นพี่รุ่นน้อง “ฉันไม่สนใจหรอกว่าเขาจะเป็นอย่างไร งานก็คืองาน หัวหน้างานยังไม่พอใจก็ต้องอดทนไม่ใช่หรือคะ”
“นี่หล่อนกล้าสอนฉันหรือ” โนริสาหร่ายพลิกตัวบางๆ หันหน้าไปทางใบเตย
ใบเตยมองย้อน ทำเสียงเยาะเย้ย “ยิ่งเป็นรุ่นพี่อาวุโสมากกว่าหลายเท่า ยิ่งมิกล้า แค่พูดความจริง”
“ความจริงที่ไม่ควรอ้าปากพูดล่ะสิ พูดกับเธอแล้วอารมณ์เสีย ขอให้ถ่ายพรุ่งนี้ ไม่เจอซีนเดียวกับแก คอยดู ฉันจะทำให้เธอไม่ได้เกิด ประวัติศาสตร์ต้องจารึกไว้ ว่าใบเตยคือใบไม้ที่สาบสูญเพราะรัศมีความงามของโนริสาหร่าย” อีกฝ่ายขู่อาฆาตเสียงแว้ดๆ
“ทำให้ได้ ไล่ให้ทันถ้าไม่แก่เสียก่อน ฉันกลัวแต่ โนริสาหร่ายจอมลวงโลกว่าผิวเรียบเนียน กรอบอร่อย ทว่าหลับหลังโปะกาวพิษกินไม่ได้เพื่อพยุงสภาพผิวทุกชั่วโมง โฮ่ะ โฮ่ะ โฮ่ะ”
“หนอย...ยัยใบเตยเหม็นเขียว สักวันแกก็ต้องเน่าเหมือนกันแหละ ถ้าวันนั้นมาถึง ฉันจะหัวเราะให้สะเก็ดร่วงระนาวเลย สภาพใบเตยเน่าน่าเกลียดกว่าสาหร่ายเกล็ดหลุดตั้งเยอะ ว่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ”
นี่หรือคนดังที่ผู้คนชื่นชมกันนักกันหนา ปั้นหน้ากากยิ้มแย้มใส่กันดีกว่าไหม พริกหวานแม๊คอัพอาร์ตติสประจำสตูดิโอฟังและเย้ยหยันอย่างเงียบเชียบ หล่อนเหยียดดาราที่ร้ายใส่กันลับหลังผู้คน เบื่อพอๆ กับ เจอม็อบเดินประท้วงกลางถนน
“เบื่อโว้ย”
ใบเตยยิ่งอารมณ์เสียอยู่จึงค่อนขอดกลับ “เบื่ออะไร เธอมีสิทธิเบื่อด้วยเหรอ ทำงานง่ายๆ ของหล่อนไปแหละ”
พริกหวาน หวานอร่อยและไม่เผ็ด แต่ยีนส์อารมณ์ขี้รำคาญเยอะ ถึงขั้นต้องฝึกสมาธิให้จิตใจเย็นทุกอาทิตย์ บัดนี้ทำนบความอดกลั้นพังลงแล้ว
“เบื่อพวกหล่อนแหละ ฉันล่ะอยากเปลี่ยนอาชีพไปเขียนหนังสือนินทาดารา จะเขียนให้ถึงกึ๋นเลย ว่าหน้าจอ หน้ากล้อง ไม่ได้เป็นอย่างที่ท่านคิด”
“เชอะ เธอไม่รู้หรอกว่าสังคมต้องการอะไร ทำไมฉันต้องเฟก ก็เพราะคนเขาไม่ชอบความจริงล่ะสิ ต้องการแค่ภาพสวยงาม วาทกรรมที่อิ่มเอิบใจ จรรโลงโลก ถ้าผู้คนต้องการความเน่าเหม็น สังคมที่ขุ่นคุ้ง ดาราก็ไม่ต้องแต่งหน้าแต่งตัวให้ยาก นุ่งผ้าถุงกระโจมอกออกจากบ้างมาก็หมดเรื่อง สองวันเหี่ยว สามวันเน่า และฉันคงไม่ได้อยู่มาได้ยาวนานขนาดนี้ และก็ไม่ได้ตะกายจนเด่นสง่า เป็นดาวประฟ้าเหมือนทุกวันนี้หร้อก ไม่สงสัยเลย ทำไมเธอถึงเป็นแค่น็อตเครื่องจักรอย่างนี้” โนริสาหร่ายผู้อยู่ในแวดวงพรีเซนเตอร์มานานสอนงานคนรุ่นหลัง
แก๊ก…
ถั่วแดงเม็ดใหญ่เปิดประตูเข้ามา
“พริกหวาน เข้าประชุมได้แล้ว ถั่วแขกฮึมๆ อยู่ข้างนอกน่ะ”
พริกหวานรับรู้ แล้วสั่งเสียนางแบบทั้งสองว่า “ฉันต้องไปล่ะ แม่ดาราคู่เฟก พรุ่งนี้เจอกัน อ่ะ...อ่ะ กรุณาเก็บซากพวกคุณให้เรียบร้อย ถ้าคิดจะทึ้ง-ทะเลาะกันในห้องนี้ ฉันไปทำงานเล็กน้อยเพื่อช่วยให้พวกคุณสวยในวันรุ่งขึ้นล่ะ พรุ่งนี้จะได้รู้ว่าต้องสู้รบหรือเจอกับนางฟ้าเพิ่มบ้าง”
“เชิญ ไม่มีใครรั้ง” โนริสาหร่ายพูดเสียงเรียบๆ เป็นการประชด
“จะรั้งก็ได้น้า” พริกหวานเย้า แล้วก็หัวเราะชอบใจเดินออกจากห้อง นี่เป็นผลจากการฝึกสมาธิมาได้ถึงระดับหนึ่งแล้ว
ในห้องประชุม--ฮาริกโก้ทุบโต๊ะ ปัง!!! ชี้มือกราดว่าลูกน้องเสียๆ หายๆ
“พวกคุณทำงานกันอย่างไร กี่วันแล้วที่งานออกมาเซ็ง ไร้อารมณ์เย้ายวน นี่หรือเสน่ห์เอเชี่ยนที่ใครๆ ฝันถึง ฟักทอง ไหนดารา เมื่อไหร่จะหาได้ลงตัวเสียที หามาไม่ขาดก็เกิน ทำงานมากี่ปีแล้ว ห่วยแตกชะมัด ฉันมีทีมงานแบบพวกเธอ รู้ไหมว่า ฉันควรจะริบเงินเดือนส่วนของพวกเธอคนละ 10 เปอร์เซ็นต์ เพราะว่าต้องแก้งานให้ ชี้นำ แนะแนว คิดเองเป็นไหม ตัดสินใจอะไรได้เฉียบขาดบ้าง”
“มาสายมาช้าก็อีก ทำงานไม่ตรงเวลา ไม่มืออาชีพ ถ้าไม่ใช่ที่นี่ ไม่มีที่ไหนรับคุณเข้างานอีกแล้ว” ฮาริกโก้เหน็บพริกหวานและถั่วแดงที่มาช้า
“มุมกล้องก็อีก ผมบอกแล้ว ว่าไม่เอา ไอ้ที่เบลอๆ อาร์ตๆ เห็นครึ่งตัว หัวแหว่ง แขนขาด ผมต้องการให้ผู้ชมเห็นความงามเต็มตัว สวยตั้งแต่หัวจรดเท้า ภาพออกมาชัด ง่ายๆ แค่นี้ทำได้ไหม บอกหูจะฉีกแล้ว ตั้งแต่วันแรก จนถึงวันนี้ สามวันแล้วนะ นี่ทำงานอยู่ ไม่ใช่ฝึกงาน”
พริกแดงแม็กซิกันส่ายหัว เขาขึ้นชื่อว่าเป็นตากล้องที่ผู้กำกับต้องการตัวมากที่สุด เขาคิดว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่จะร่วมงานกับฮาริกโก้ ควันขึ้นหัว เขาเป็นตากล้องที่มีอีโก้ไม่แพ้ผู้กำกับฯ
“แล้วมันออกมาสวยไหม”
ตัวของฮาริกโก้เบ่งบวมด้วยความโกรธ
“สวย แต่ไม่ใช่งานที่ผมอยากได้ ผมอยากได้งานที่เนี้ยบนิ้ง”
“ก็ผมทำแบบที่คุณต้องการไม่เป็น นั่นมันสายตามุมมองของคุณ ทุกอย่างคุณออกแบบไว้ในหัว ผมก็ทำอย่างที่คุณอยากจะได้ แต่คุณก็บอกว่าไม่ได้ สายตาของผมมองความสวยงามแบบนี้นี่หว่า”
“คุณก็แค่วางภาพให้ตรงกรอบ แต่อารมณ์มันไม่ได้ ตอนที่อะไรใช่ อารมณ์ลงตัว คุณก็ดันทำปลายใบเตยขาดเสียนี่ ไม่งั้นป่านนี้เราก็เลิกกองไปแล้ว กลับบ้านหาเมีย งานจบ ได้เงิน ไม่ต้องมานั่งถกกันหน้าเขียวหน้าแดงแบบนี้”
พริกแม็กซิกันเริ่มชอบฮาริกโก้ขึ้นมาทันใด ประทับใจความมุ่งมั่นเอาแต่ใจของผู้กำกับคนนี้เต็มประดา มันเหมือนกับเพื่อนเก่าแก่ชาติที่แล้วมาเจอกัน
“ผมจะพยายามให้ได้ซีนนั้นอีกครั้ง”
“นั่นคือสิ่งที่ผมอยากได้ยิน”
ฮาริกโก้หันมาสั่งงานที่เหยื่อรายใหม่
“ฟักทอง นี่คืองานใหม่ของนาย ต้องทำให้ได้ก่อนพรุ่งนี้ 8 โมงเช้า ติดต่อ ขิง ข่า หน่อไม้ พริกขี้หนู กุ่ยช่ายขาว กุ่ยช่ายเขียว ตะไคร้ ใบโหระพา แล้วก็เรียกใบกระเพรากลับมาอีกครั้ง พรุ่งนี้ผมจะถ่ายรวมทุกคน วันซ็อต”
“ตายล่ะหว่า วันนี้แค่สองนางยังถ่ายกันทั้งวัน” ผักชีฝรั่งเผลอบ่น
“ก็เพราะแกไม่ได้ความ แค่ให้เช็ดคราบเปื้อนที่ใบเตย แกยังงมหายังกับหาเข็มในมหาสมุทร ไปเช็ดรองเท้าเกี้ยะดีไหม แล้วเอาเงินเดือนไป 20 บาท” ฮาริกโก้นึกเรื่องตำหนิผู้ช่วยเขาขึ้นมาได้
ไม่น่าพูดเลยตรู
“ฉากล่ะครับ ฉากเดิมหรือเปล่า” มะเขือเทศถามขึ้นเพื่อช่วยเพื่อน
“เปลี่ยน เอาฉากสีขาวไข่ไก่ ขาวเจือสีไข่ไก่ ไม่ใช่สีไข่ไก่ ถ้าพรุ่งนี้เห็นสีเพี้ยนเหมือนวันนี้ ที่ฉันอยากได้สีขาวโพลน แต่แกก็ใช้สีขาวทาบ้านธรรมดา ตีโจทย์ไม่ได้แบบนี้ พรุ่งนี้แก้ตัวคืนไม่ได้อีก เดือนหน้าไม่ต้องมาทำงาน”
แหว๋! ถามอะไรก็โดน พูดอะไรก็โดน มีใครไม่โดนบ้างเนี่ย
สับปะรด--ฝ่ายคอสตูมล่ะสิ
สับปะรดหันหน้ามามองกล้อง แล้วพูด “ก็ฉันเป็นสับปะรดน่ะสิ มืออาชีพ 100/100 อย่างฉัน มีแต่ได้โบนัส เพิ่มเงินเดือน แต่รู้ไหมว่า กลับบ้านไป ฉันทำงานหนักขนาดไหน บางครั้ง คิดโจทย์งานโต้รุ่ง ไม่ได้นอน 2 ทุ่ม ตื่น 7 โมงเช้าหรอกนะ ไม่เคยด้วยซ้ำ อยากให้เข้าใจไว้ด้วย ว่าฉันแลกความเหน็ดเหนื่อย เลี่ยงงานเลี้ยงทั้งๆ ใจอยาก เงินก็ไม่ได้เอาออกมาใช้ เพราะอยากทำงานให้ดีนี่แหละ อย่างเมื่ออาทิตย์ก่อน ฉันตามหาชุดกิโมโนถูกใจได้จากในเว็บไซต์ คิดไว้ก่อนหน้าแล้วว่าโนริสาหร่ายคงเป็นตัวแสดงหลัก จึงสั่งมาจากเกียวโตล่วงหน้า 1 อาทิตย์ ชุดของน้องใบเตยนี่ก็ต้องวัดตัวตัดเป็นพิเศษ เพราะคุณน้องหุ่นสูงชะลูดใส่ชุดดาษๆ ดื่นๆ ตามตลาดไม่ได้ ถึงกับนั่งเย็บจักรจนตาบวม งานสวยเนี้ยบคืนเดียวนี่ยากนะ”
หยุดหายใจ 5 วินาที ดึ๋งนึกอะไรขึ้นได้
“หา... แต่พรุ่งนี้ จะใช้นักแสดงเพิ่มอีก 10 ชีวิต นั่นหมายถึงเพิ่มชุดอีก 10 ชุด โชคดีที่ 9 ใน 10 เป็นชุดไทย ฉันจะรีบโทร. สั่งให้ผู้ช่วยเย็บเป็นการด่วน หลวมคับยังไงพรุ่งนี้ค่อยใช้ไม้หนีบเหน็บหลัง” สับปะรดพูดจบก็ทำหน้าเป็นสับปะรด ขึงเอาการเอางาน
กล้องแพนมาที่ถั่วฮาริกโก้
ในจอมอนิเตอร์ ฮาริกโก้พูดอย่างใส่อารมณ์ว่า “นี่แหละครับ ทีมงานของผม เบื้องหลังก็มีแต่คนผิดๆ เพี้ยนๆ อย่างนี้ เคยลองคิดจะจ้างทีมงานเหมือนสับปะรดทุกคน หากว่า ไม่ไหว...ชีวิตขาดรสชาติไปเยอะ ตัวผมเอง ใจจริงชอบฝึกฝนคน ผมไม่ค่อยชอบหรอกคนที่เก่งกาจแล้ว ทำงานด้วยกันไม่สนุก ชอบแบบนี้แหละ ขาดๆ เกินๆ เหนื่อยหน่อย แต่ได้ทำคนไม่เก่งให้มีฝีมือ คุ้มนะ ดีกว่าจ่ายเงินจ้างหัวกะทิทำงานเนี้ยบๆ ใช้งาน ผมว่าคนพวกนั้นควรทำงานที่บ้านคนเดียวดีกว่า ผมต้องการคนที่เชื่อฝีมือผม ไม่หือไม่อือ เพราะลำพังแค่เรื่องงานอย่างเดียวก็เหนื่อยมากแล้ว คุณรู้ไหมครับ ว่าคนพวกไหนที่ทำงานด้วยยากที่สุด คำตอบ...คนเก่งที่มีอีโก้จัด พวกเขาไม่เคยคิดถึงหัวจิตหัวใจคนอื่น อ่ะ-อ่ะ คุณอย่าหาว่าผมกำลังด่าตัวเองหรือนี่ ไม่จริงหรอกครับ เพราะหน้าที่ผมตอนนี้คือควบคุมคน ผมทำไปเพราะตามหน้าที่ จะบอกให้ ผมเคยงี่เง่า โง่เง่ากว่าลูกน้องของผมบางคนเสียอีก ทว่าผมฝึกฝนตัวเองตลอด เพราะไม่ชอบโดนด่าบ่อยๆ บางครั้งมันเสียกำลังใจนะครับ หกล้มหน้าคว่ำหัวคะมำ นานนะกว่าผมจึงมีวันนี้”
ฮาริกโก้ชี้ฝักมาที่หน้ากล้อง“เอาล่ะ พรุ่งนี้คือบททดสอบ พวกเขาจะพัฒนาตนเองหรือเปล่า”

หลังเลิกประชุม สับปะรดแจ้นกลับไปเตรียมงานเป็นคนแรก เขาเป็นคนที่ไม่น่าเป็นห่วงที่สุด ทุกคนจึงปล่อยผ่าน ผักชีฝรั่งและมะเขือเทศสั่งช่างเตรียมฉากสำหรับวันพรุ่งนี้ งานของพวกเขาท่าจะเบาที่สุด งานหนักที่สุดตกอยู่ที่ฟักทอง
“ทำไงดีละหว่า จะหาทันไหมเนี่ยตั้ง 10 นาง” เขาทำหน้าเหนื่อยเหมือนคนแบกโลกไว้สิบใบ
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันช่วย” พริกหวานจับมือฟักทอง “ในฐานะที่นายน่าสงสาร ฉันปล่อยวางเฉยๆ ได้ไง เห็นนายเหนื่อยคนเดียวไม่ได้หรอก”
“ขอบใจนะ”
“อือ”
จากนั้นทั้งสองรีบไปยังที่กูร์เมต์ โมเดลลิ่ง สาขาที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเลือกนางแบบที่สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่จะพอหาได้ในตอนนี้

กูร์เมต์ โมเดลลิ่ง สาขา ของแท้ พลาซ่า
ชั้นที่ 1-ชั้นที่ 3 เป็นส่วนของเนื้อสัตว์ทุกชนิด ชั้นผักอยู่ที่ชั้นที่ 4-ชั้นที่ 6 เขาตรงไปที่ชั้น 6 ในส่วนของพืชพรรณเอเชี่ยน
นางแบบทุกคนยืนเป็นระเบียบสวยเด่น ไม่แพ้กัน หากว่าเขาทั้งสองคนเฟ้นหานางแบบพันธุ์ดี มีชื่อเสียง รวมถึงต้องคำนวณคอมโพสเมื่อเข้าฉาก ดังนั้น ร่างกายของนางแบบทั้งหมดต้องสมดุลกัน พวกเขาจึงต่อสายโทร. หาผู้ช่วยผู้กำกับฯ ขอความช่วยเหลือ จนกระทั่งเลือกนางแบบครบครัน 10 นาง นัดแนะเวลาทำงานเรียบร้อย เวลาก็ปาเข้าไปตีสอง นั่นแปลว่า พวกเขามีเวลากลับบ้าน พักผ่อน ตื่นนอน เตรียมตัวมาทำงานก่อนเวลาหนึ่งชั่วโมง อย่างเต็มที่ภายใน 5 ชั่วโมงที่เหลือ
นอนน้อยได้อีก TOT

07.00 น. ที่สตูดิโอ ผักชีฝรั่งและมะเขือเทศรอท่าอยู่ สียังแห้งไม่สนิท เขาจึงทำป้ายติดว่าห้ามเข้าใกล้ เพราะไม่อยากให้ฉากพังเวลานี้
สับปะรดตาบวมเดินมาพร้อมผู้ช่วยสองคน ขนชุด 1 ราว ลากพื้นดังแกกๆ
“ให้มันยุ่งได้อย่างนี้สิ”
หูฝาดไปหรือเปล่า ร้อยวันพันปีสับปะรดไม่เคยบ่น แต่ว่าวันนี้เอ่ยปากบ่นแฮะ!
“พวกหล่อน เอาชุดเข้าห้อง ดูซินางแบบคนไหนมาแล้วให้ลองชุดก่อน ดูว่าใครที่คับเกิน หลวมไม่เป็นไรกลัดเข็มกลัดได้ แต่คับต้องเย็บชุดใหม่ ให้เร็วให้ไว มายืนเอ๋อทำไม ไปทำงานสิยะ” สับปะรดสั่งงานลูกน้อง ตอนนี้เขาเหมือนฮาริกโก้อีกคน น่ากลัวจริงๆ
พริกหวานวิ่งหน้าเริ่ดเปิดประตูเข้ามา
“โหยยยย นึกว่าตื่นไม่ทันซะแล้ว” เขาบอกกับผักชีฝรั่ง
“เมื่อคืนนอนกี่ชั่วโมงล่ะ”
“2 ชั่วโมง แค่ช่วยฟักทองก็เหนื่อยอยู่แล้ว กลับบ้านไปก็เตรียมข้าวของแต่งหน้าแต่งตัวนางแบบ ไอ้โน่นก็ไม่มี ไอ้นี่ก็ขาด ต้องออกนอกบ้านมาพลาซ่าอีกรอบ หาซื้อเครื่องสำอาง เป็นอันว่า ฉันนี่แหละที่เหนื่อยกว่านายฟักทอง”
“แหม...ถ้าไม่ชอบเขา เธอก็ไม่ช่วยหรอก จริงไหม” ผักชีฝรั่งแซว เขาลอบสังเกตรักในที่ทำงานของคู่นี้บ่อยๆ
“บ้า พวกนายพูดอะไร ฉันแค่สงสาร เห็นงานหนักแอ้ดอยู่คนเดียว ไม่น่าหาเรื่องใส่ตัวเลย ดีนะที่ฉันไม่มีตา ไม่งั้นคงแดงช้ำ ปูดโปน ปิดผ้าก็อตมาทำงาน ดี๊...ดี แวะโดปปุ๋ยชีวภาพกระทิงทองที่ร้านเซเว่นทีนเข้าไป ถึงเอาอยู่ หวังว่าวันนี้คงจบคงสิ้นกันสักทีนะ”
“พวกเราก็สาธุว่าขอให้เป็นเช่นนั้น” ผักชีฝรั่งพนมใบแต้
ที่ห้องแต่งหน้า พริกหวานผลักประตูเข้ามา นางแบบมารออยู่แล้ว 5 ชีวิต ขาดอีกครึ่ง
ผู้ช่วยฝ่ายคอสตูมขะมักเขม้นขยายชุดให้นางแบบ 2 ใน 5 เข้ารูปร่าง พริกหวานรีบจัดการดูเสื้อผ้า เห็นว่าน้อยชิ้น สับปะรดคงตีโจทย์ให้เห็นผิวเนื้อที่แท้จริงของนางแบบ เหนื่อยพริกหวานอีกล่ะสิ หล่อนรีบปะโบ๊ะนางแบบให้สมบูรณ์ที่สุด
ฮาริกโก้ลงจากรถ พร้อมภาพม็อกอัพงานถ่ายโฆษณาวันนี้ ที่เขาวาดเพื่อชี้แนวลูกน้อง 5 แบบ จากเดิมที่วางไว้แค่วันช็อต เขาว่าจะลองถ่ายทุกแบบ ฮาริกโก้ต่างหาก ที่เมื่อคืนที่ผ่านมายังไม่เห็นหมอนเลยว่าหน้าตาเป็นอย่างไร
เมื่อนางแบบมาครบทุกชีวิต ทีมงานก็สาละวน ไม่มีใครอยู่นิ่ง งานใครเสร็จ ก็ต้องช่วยงานคนอื่นที่ล้นมือ ผักชีฝรั่งถึงกับลงมาช่วยพริกหวานแต่งหน้าแต่งตัวนางแบบ สับปะรดดูแลความสวยงามเป็นระลอกสุดท้าย นางแบบทุกคนออกมาสวยงามน่าพอใจ
08.45 นางแบบแต่งตัวพร้อม ตากล้องมาถึงแล้ว ผู้กำกับบรีฟงานกับเขาอยู่ 09.00 น. จึงเริ่มถ่ายงาน วันนี้ทุกคนฮึด เหมือนนักรบที่กำลังตีค่ายศัตรูให้แตก เพราะไม่อยากให้เวลาเยื้อนานไปกว่านี้ ผลผลิตจึงออกมาสมบูรณ์ทั้ง 5 แบบ มีหยุดพักกินปุ๋ยสองมื้อ มื้อละ 5 นาที ยกเว้นตากล้องและผู้กำกับที่กินไปถ่ายงานไป เขาไม่ได้วางมือจากงานเลย หยุดพักแค่เข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวกับโดปปุ๋ยน้ำชั้นดีอย่างแรง
โน่น!!! เสร็จงานเกือบตีสามของอีกวัน
“เหนื่อยโว้ย!!!” คือคำประกาศลั่นของฮาริกโก้เมื่อสั่งคัตซีนสุดท้าย
สามอาทิตย์ล่วงผ่าน
เมื่องานออกสู่สายตาประชาชนทางโทรทัศน์ เรตติ้งพุ่งกระฉูด คนพูดถึงทั้งเมือง พืชพรรณตามท้องถนนเลียนแบบการแต่งตัวที่สับปะรดออกแบบ งานติดอันดับหนึ่งใน AD-Broad ของฝั่งอังกฤษหลายสัปดาห์ กวาดรางวัลในภูมิภาคอีกเพียบ หลังจากนั้น งานจึงมีเข้ามาให้ทำอีกเรื่อยๆ ทีมงานเริ่มชินกับงานหนักเพราะพวกเขามีคุณธรรมการทำงานประจำใจก็คือ ขยันให้เท่าฝูงมด อดทนเป็นวัว ซื่อสัตย์เหมือนนกกระเรียน สร้างสรรค์เช่นมนุษย์ สวยงามพริ้งเพริศเฉกผีเสื้อ

บอกฉันบอกเธอ
ความสมบูรณ์แบบทั้งหลายแลกมาด้วยหยาดเหงื่อไคล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น