วันพุธที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2554

ชามสังกะสี บทที่ 3

อ่อนหวาน

พันธุ์ไม้ สมุนไพร พืชล้มลุกเบียดเสียดไม่เรียงยอด ไม่จัดหมู่และไม่เรียงลำดับความสูงรายรอบบึงใหญ่กลางวัด แหล่งเรียนรู้ทางชีววิทยาและการเกษตรสำหรับเด็กๆ รวมถึงฉัน


พระรุ่นหนุ่มหลายรูปนอกจากหมั่นเพียรในการกิจสงฆ์ แล้วยังขมีขมันปฏิบัติงาน งานซ่อมบำรุง งานช่างหลายแขนงเท่าที่ชำนาญทำงานได้ รวมถึงงานเรือกสวน เป็นที่น่าชื่นใจแก่ผู้พบเห็นและพระผู้ใหญ่ รวมถึงฉัน

พืชสมุนไพรแทงยอดผลัดชนิดตามฤดูกาล พอเหลือกินเหลือไว้ใช้สอยตลอดปี อ้อยดำก็ใช้เป็นยาสมุนไพรขับเลือดลม ขมิ้นใช้กิน ทาผิวหนังก็แก้พิษได้สารพัน พักอยู่ที่นี่ การทำงานก็ไม่ต่างจากการปฏิบัติธรรม ผลของการทำงานผลิดอกออกผล ผลของการปฏิบัติธรรมเพิ่มบุญอันเป็นปัจจัตตัง ผู้ปฏิบัติเท่านั้นที่รู้ได้ เข้าใจได้ ประจักษ์จริง ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนอยู่อย่างเกื้อกูลกัน รวมถึงฉัน

ไหนๆ ก็แต่งกลอนตามฉันทลักษณ์ไม่ได้ ฉันจึงหัดเขียนกลอนเปล่าตามประสาคนที่มีจิตใจอ่อนไหว แล้วก็แต่งต่อได้ว่า

ท่ามกลางบรรยากาศดีๆ ผิวน้ำระยิบในบึงบัว ดอกบัวคือดอกไม้อันเป็นสัญลักษณ์แห่งความเคารพประจำศาสนา เผยกลีบบานแย้มน้อยๆ น่าชมดุจภาพวาดของจิตรกร ใบบอน ใบบัวน้ำกลิ้งริกๆ ดูอ่อนไหว แมงมุมน้ำคืบไต่ผืนแก้วเหลวๆ ปลาตอดอาหารจากธรรมชาติ ผิวน้ำเป็นจ้ำกลม ขยายวงกลมเล็กๆ ใหญ่ขึ้นๆ

ในความเป็นจริง ฉันกำลังนั่งมึนๆ ที่ศาลากลางน้ำ เพื่อรับพลังจากแสงอาทิตย์ยามเช้าตามธรรมชาติประทานให้ พลังงานจากจักรวาลที่ฉันผลิตขึ้นเองไม่ได้ ตั้งสมมติฐานได้ว่า ฉันไม่ต่างอะไรจากดาวเคราะห์น้อยที่ไม่มีแสงสว่างในตัวเอง สมมติฐานนี้ทำให้ฉันเศร้าเหลือเกิน

แม่ชีกล้วยและแม่ชีนินทรีย์ขนอาสนะด้วยมือเปล่าและกำลังแขนและขาทั้งสองข้าง มาผึ่งแดดผึ่งลมเป็นปรกติของช่วงวัน พวกทานคงสังเกตเห็นพลังบางอย่างจากตัวฉันที่ทั้ง มืด คล้ำ ดำ บอด ภายหลังจากปฏิบัติงานเรียบร้อยแล้ว บทสนทนาระหว่างฉัน แม่ชีกล้วยและแม่ชีนินทรีย์ ท่ามกลางธรรมชาติอันงดงามก็เริ่มขึ้น

แม่ชีกล้วย--หนูเป็นอะไรหรือจ๊ะ ใบหน้าคล้ำหมองราวกับคนสิ้นหวังในชีวิต อากาศก็ดี แดดเช้าอย่างนี้ น่าจะเรียกพลังชีวิตให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า

ฉัน--หนูพบว่าตัวเองเหมือนดาวเคราะห์น้อย ที่ไม่มีแสงสว่างและพลังงานมากมายเช่นดวงอาทิตย์

แม่ชีนินทรีย์--นั่นทำให้หนูเศร้า

ฉัน--ค่ะ

แม่ชีกล้วย--เศร้าเพระหนูไม่มีแสงให้เปล่งประกาย

ฉัน--ค่ะ มันทำให้หนูไม่ต่างอะไรจากยุง สัตว์อื่นๆ สิ่งของ ตัวเม่ายังมีค่ามากเสียกว่า

แม่ชีนินทรีย์--ทุกชีวิตมีหน้าที่ต่างกันนะจ๊ะ

แม่ชีกล้วย--งั้น แม่ชีถามหนูหน่อยว่า ตัวเม่ากับผีเสื้อ หนูว่าตัวไหนสวยกว่ากัน แมลงเม่าสร้างสมดุลย์ให้ธรรมชาติและช่วยให้วิกาลทัศนะแจ่มชัดขึ้น แม้เป็นจุดเล็กๆ ก็ตาม ผีเสื้อใช้เป็นตัวแทนความหมายสากลของความรู้ คนญี่ปุ่นเชื่อว่าผีเสื้อใช้เป็นสัญลักษณ์แห่งวิญญาณ หรือจิตวิญญาณที่รอคำพิพากษา ผีเสื้อนั้นอาจหมายถึงผู้หญิง ความรักที่ไม่สมหวัง และอีกหลายชาติก็มีอีกหลายความเชื่อ

ฉัน--มันเป็นคำถามเชิงสุนทรียะที่หนูคงตอบได้ยากมาก เพราะไม่ชอบสัตว์ทั้งสองชนิดนี้ ความสวยสำหรับหนูมีพลังและนิ่งสงบกว่านั้นมาก เพราะฉะนั้น หนูจึงให้ความเห็ว่า สิงโตสวย โดยเฉพาะสิงโตตัวผู้ที่มีแผงขนงามล้อมรอบกรอบใบหน้า

แม่ชีนินทรีย์--แล้วดอกไม้ล่ะจ๊ะ สวยหรือเปล่า

ฉัน--สวยและเป็นฝ่ายรับมากเกินไป ดอกไม้เดินไม่ได้ พูดไม่ได้ ป้องกันตัวเองไม่ได้ สิ่งที่ดอกไม้ทำได้คือมอบตนให้แก่ผู้อื่น อย่างไรก็ตาม หนูอยู่ร่วมกับดอกไม้ได้ หนูจะไม่เก็บและไม่ทำร้าย และก็จะรดน้ำอย่างถนอมด้วย เพราะความอ่อนหวานของดอกไม้แท้ที่ทำให้หนูอ่อนหวานขึ้น

แม่ชีกล้วยยิ้มและพูดต่ออีกว่า--สมมตินะจ๊ะ สมมติว่าพระอาทิตย์ก็คิดเหมือนหนู คืออยู่ร่วมกับหนูได้ โดยที่ไม่เผาหนูเนื้อเกรียม ถ้าไม่ซุกซนออกมาตากแดดจัดๆ ทั้งวัน แม่ชีมองอีกมุมหนึ่ง แม่ชีคิดว่า บางครั้งพระอาทิตย์ก็น่าเห็นใจ ด้วยอำนาจความร้อนที่มากมายทำให้พระอาทิตย์นั้นไม่มีเพื่อน เพราะเข้าใกล้รัศมีไม่ได้ กระนั้น พวกเราก็ต้องการแสงสว่างและความร้อนของพระอาทิตย์เท่าที่จำเป็น สรรพสิ่งดำรงหน้าที่อยู่อย่างแข็งขัน แม่ชีว่า ตอนนี้หนูจงทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ใช้ความสามารถของหนูให้เต็มที่ นั่นแหน่ะ แม่ชีนิดเตรียมมัดข้าวต้มมัดไว้เลี้ยงพวกเราชาววัด รอผู้ช่วยที่หนึ่งที่มานั่งหงอยๆ อยู่

ฉัน--แม่ชีอนุมานซะหนูป้องกันตัวเองไม่ได้เหมือนดอกไม้ หนูก็ว่าบางครั้งตัวเองก็คล้ายดอกไม้เดินได้ งั้นหนูเป็นมนุษย์นี่แหละดีที่สุด ค่ะ หนูจะทำหน้าที่ด้วยความรอบคอบเช่นเดิม เพิ่มความอ่อนหวาน

ข้าวต้มมัด

ข้าวเหนียวเขี้ยวงู
กล้วยน้ำว้าสุกงอม
ถั่วลิสง
ใบตอง
ตอก

อันที่จริง ตำรับข้าวต้มมัดของพวกเราชาววัดแตกต่างจากสูตรภาคกลาง ที่ใช้ข้าวเหนียวผัดกับน้ำตาลทรายและกะทิสด คนที่นี่เขาอ่อนหวานนะจ๊ะ แค่ความหวานจากกล้วยสุกก็เพียงพอแล้ว

วิธีทำ

ขั้นตอนแรก ล้างมือให้สะอาดและเตรียมอุปกรณ์ เช่น มีด ถาด ตอก เช็ดและเตรียมใบตองให้เรียบร้อย ข้าวต้มมัดของชาววัดทำคนเดียวไม่ได้หรอกจ่ะ คนละไม้คนละมือช่วยกันเป็นคณะ

ขั้นตอนที่สอง นำข้าวเหนียวเขี้ยวงูและถั่วลิสงที่แช่น้ำทิ้งไว้แต่เช้ามืด กรอง แยกเนื้ออกจากน้ำ พักทิ้งไว้ให้หมาดน้ำ ถั่วลิสงแยกไว้ ใส่ในชามสังกะสี ข้าวเหนียวเขี้ยวงูใส่กะละมังใบย่อม

ขั้นตอนที่สาม ใช้ช้อนตักข้าวเหนียว โรยและเกลี่ยไว้กลางใบตอง เพิ่มกล้วยสักครึ่งใบ วางไว้จุดศูนย์กลางของข้าวเหนียวที่เกลี่ยไว้แล้ว กลบทับด้วยข้าวเหนียวอีกครั้ง ไม่ให้เห็นเนื้อกล้วย เพิ่มถั่วลิสงเม็ดโตๆ สัก 6-7 เม็ด แล้วห่อเข้ากลีบ จับกลีบเข้าคู่ จากนั้นมัดด้วยก้านตอกให้เรียบร้อย

ขั้นตอนที่สี่ ฉันนำข้าวต้มมัดเรียงไว้บนซึ้งอย่างเป็นระเบียบ เรียงจากวงนอกเข้าสู่วงในเหมือนก้นหอยถาก

ขั้นตอนที่ห้า ระยะเวลานี้เป็นเวลาที่จะเห็นความขยัน ความประณีตเรียบร้อยของทุกคน ใครทำดี ควรเอาเยี่ยงอย่างคนคนนั้น

ขั้นตอนที่หก แม่ชีผู้คุมครัวเป็นคนนำไปนึ่งบนเตาอั้งโล่สักหนึ่งชัวโมงครึ่ง แล้วฉันก็จัดการเก็บกวาด เก็บล้างอุปกรณ์กระทั้งสะอาด หมดจด

ขั้นตอนที่หก ฉันยิ้มให้กับตัวเองและหมู่คณะด้วยความอ่อนหวานและภาคภูมิ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น