วันเสาร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

อาหารค่ำท้ายคืน : การผจญภัยค้นพบอาหารสเปน




ผู้เขียน พอล ริชาร์ดสัน
สำนักพิมพ์ บลูมส์บูรี่

ลองแปล--นงนภัส

บทนำ

จริงแล้วที่ว่า การเดินทางท่องเที่ยวช่วยขยายขอบเขตจิตใจ ทว่าการเที่ยวเช่นกลุ่มทัวร์ขนาดใหญ่จอดรถให้เดินชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ หรือวันหยุดสุดสัปดาห์ ผู้คนบินลัดฟ้าด้วยสายการบินงบประมาณน้อย นั่น...ไม่มีทางเปิดขอบเขตจิตใจให้กว้างได้มากเท่าไรนัก

การเข้าใจความเป็นจริงเกี่ยวกับประเทศและวัฒนธรรมนั้นๆ ทลายเวลาเกือบทั้งชีวิต ปีแล้วปีเล่าล่วงผ่าน ถึงกำเนิดอายุแห่งช่วงเวลา โดยใช้สิ่งที่ปฏิบัติสม่ำเสมอเป็นเกณฑ์วัด

ภาพที่ปรากฎผิวเผินสร้างความประทับใจอันดับแรก ด้วยความสวยงามน่าอภิรมย์ น่าจับจ้องค้นหา สวยสะดุดตา หรืออย่างน้อยที่สุด สภาพนั้นก็ไม่ได้น่าเกลียดน่าชังแต่อย่างใด ทั้งยังยืนยันความรู้สึกนึกคิดจากสายตาที่ทอดมอง หรือไม่ก็ผุดถามคำถามที่ใหญ่ขึ้น เขย่าสมองให้ครุ่นคิดค้นหา ดังนั้น พวกเราจึงดึงมุมต่างๆ ของสถานที่ บอกเล่าเรื่องราวส่วนตัวด้วยถ้อยคำซึ่งแก่นแท้แล้วก็มีกลิ่นรสเช่นเดียวกัน

บางสิ่งรับประกันว่า เป็นผลกระทบตามธรรมชาตินับพันปีของความแปลก เราเคยต่อต้านรสชาติผิดธรรมดานั้น ทว่า พวกเราก็ยอมรับรสชาตินั้นทีละน้อย นั่นเป็นวลีที่จริงและลึกซึ้งแท้ บอกเป็นนัยเลาๆ ว่า ประสบการณ์ว่าด้วยอาหารการกิน เป็นมากกว่าภาพประทับใจหรือวัตถุภายนอก ทว่าที่สุดแล้ว ยังกำซาบและครอบงำเรา อาหารเผยว่า เราเป็นใคร มานูเอล วินเซนต์--นักเขียนนวนิยายชาวสเปน กล่าวไว้ว่า การกินเป็นพฤติกรรมลี้ลับเหลือเชื่อ สะท้อนจากสิ่งที่บริโภค

เมื่อยังเป็นหนุ่มรุ่น ผมข้ามชายแดนที่พอต โบ บนรถไฟเที่ยวกลางคืนจากปารีส เวลาล่วงผ่าน ผมก็ยังไม่เคยไปเที่ยวสเปนสักครั้ง แม้ว่าจะมาจากครอบครัวชนชั้นกลาง จากเมืองมีอันจะกินทางตอนใต้ของประเทศอังกฤษ โดยปรกติ พวกเราท่องเที่ยวพักผ่อนวันหยุดสุดสัปดาห์ในอิตาลีหรือไม่ก็ฝรั่งเศส ดูเหมือนว่าสเปนยังไม่มีกลิ่นรสยั่วใจมากพอสำหรับวงสังคมของเรา ในขณะที่ประเทศอิตาลีและประเทศฝรั่งเศสมีสังคมชั้นกระฎุมพีมั่นคงปักหลักอยู่ ทั้งยังฝังรากลึกแข็งแรง ประเทศสเปนดูเหมือนยังผุพังเสื่อมโทรม โรงแรมห้องพักราคาถูกทอดตัวยาวตามแนวชายฝั่ง ตกแต่งภายในได้น่าสะพรึงกลัว เหมือนอยู่ในทวีปอัฟฟริกาอย่างไรอย่างนั้น ว่ากันสั้นๆ ชื่อเสียงของสเปนก่อร่างไว้อย่างไม่น่าไว้วางใจเลย หากว่า นั่นเป็นสิ่งที่ดึงผมเข้ามาหามันก็เป็นได้

แรกเริ่มเดิมทีประสบการณ์การเดินทางมาสเปน วิถีการอยู่และการกินเป็นไปด้วยความรอบคอบและระมัดระวังยิ่ง มันเป็นช่วงฤดูร้อนยาวนานสองเดือนที่ผมต้องอยู่อย่างมัธยัสถ์ ด้วยการเดินทางด้วยรถไฟข้ามประเทศ กระนั้น ก็เป็นประสบการณ์ยอดเยี่ยม รถไฟข้ามประเทศถือเป็นการเดินทางราคาประหยัด ในยามที่ไม่มีเงินหนาพอจับจ่ายซื้อตั๋วเครื่องบินได้ ไม่มีแม้โทรศัพท์มือถือ และไม่มีอีเมล์เพื่อติดต่อกับทางบ้าน จัดเป็นชีวิตที่รัดเข็มขัดด้านการเงิน ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าขาดเงินสดก็มีปัญหา เพราะเครื่องเบิกเงินยังไม่มีความสลักสำคัญนักในชีวิตของชาวยุโรปตอนใต้ ในฐานะหนุ่มรุ่นกระทงวัย 19 ปี ในวัยนั้น ผมก็ยังไม่มีความน่าเชื่อถือพอจะใช้บัตรเครดิตได้ บ่อยครั้งที่เอาชีวิตรอดด้วยอาหารจากบาร์ราคาถูก เช่น ทอร์ตทิลล่า เดอ ปาตาตาส์ มีตบอลกระป๋อง ปาตาตาส์ บราว่าส์แกล้มซ้อสเผ็ดๆ (ที่นักเรียนรองท้อง) และสิ่งที่ผมเรียกว่า “การขนส่งสาธารณะ” หรือโบคาดิลลอส—ขนมปังก้อนหนาสอดไส้ เช่น ชีส แฮมหรือโชริโซ (ผลิตภัณฑ์เนื้อหมูนานาชนิด) อย่างไรก็ตาม ไม่เคยมีน้ำมันมะกอก ไม่มีมะเขือเทศหรือของแห้งรสเลิศ

เมื่อยังวัยรุ่น สิ่งที่ผมเรียนรู้เกี่ยวกับอาหารสเปน เป็นข้อคิดของนักท่องเที่ยวสามัญธรรมดา เช่น เพลล่าและกาซปาโช หรือ กาซปาโชและเพลล่า ความรู้เกี่ยวกับเครื่องปรุงชาติสเปน ถูกเขียนหยาบๆ บนข้างแผ่นไปรษณียบัตร หนึ่งในบรรดานั้น เป็นรูปกระโปรงของนักเต้นรำฟลามิงโก้อันเด่นสะดุดตา ผลมะกอก ผลส้ม หญ้าฝรั่น กระเทียม อะไรอื่นอีก? ตอนนั้น ผมยังไม่คุ้นเคยกับรสชาติอันวิเศษของแฮมสเปน ไม่น่าตกใจเลยที่ผมมารู้เอาตอนนี้ หลังจากการทะเลาะกับความตะกละตะกลาม ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมคลั่งไคล้ในช่วงต้นศตวรรษที่แปดสิบ ไม่มีอะไรดีพอพอดีรสลิ้น ผมต้องเคยได้ยินมานเชโก ชีส ทว่า แทบจะไม่เคยจินตนาการถึงอย่างอื่น ไวน์สเปนคือเรียวฮ่าหรือเชอร์รี่ และ เชอร์รี่หรือเรียวฮ่า

การทำความรู้จักอาหารสเปนลดย่อมากมหึด้วยคลังภาษาอันจำกัด มีเพียงคำบางคำเท่านั้นที่ผมรู้ และเขินอายเกินกว่าที่จะสั่งอาหารที่ไม่คุ้นเคย งบเงินอย่างนักท่องเที่ยวแบ๊กแพ๊คเกอร์อยู่ในวงเงินให้ใช้เท่าที่จำเป็นอย่างร้ายกาจ ทว่าผมยังชอบตบท้ายช่วงวันด้วยเชอร์รี่สักแก้วและเมล็ดอัลมอนด์สักจาน ผมต้องเคยฝันถึงสิ่งที่คนสเปนแท้ๆ ดื่มกิน แม้ว่าจะติดขัดเรื่องอายุและสถานะในขณะนั้น ด้วยฉากหลังไม่สง่างามของเหล้าก่อนอาหารที่บาร์ตามท่ารถหรือร้านอาหารชั้นประหยัดในโรงแรม ดูเหมือนว่าเบียร์และมันฝรั่งทอด น่าสนใจมากกว่า

อย่างไรก็ตาม ก็มีมื้ออาหารหลายมื้อที่ไม่เคยลืมเลือน ที่ปงสิอง (บ้านพักราคาถูก) เล็กๆ ในเมืองมาลอร์กันในเดย่า ที่นอกชานท้ายช่วงวันหยุดฤดูร้อน กลิ่นของไม้สนและท้องทะเล จานข้าวกลิ่นจรุงถูกเสิร์ฟ (ข้าวสเปนของแท้จานแรก--เพลล่าเนื้อไก่และพริกไทย...สีเหลืองทองอร่ามตาและมีกลิ่นหญ้าฝรั่นชัดเจน) ดื่มน้ำโรซาโดทำเอง เย็นเฉียบหนึ่งขวด แล้วจับจ้องท้องทะเลยามวิกาลด้วยความอิ่มเอิบ ในขณะที่สายตาพร่ามัวด้วยฤทธิ์แอลกฮอล์

ในเดือนสิงหาคม ฤดูร้อนที่สเปนยังคงเป็นแผ่นดินที่ไม่ได้รับการเอาใจใส่ หลายเมืองใหญ่ๆ เหมือนเมืองผีสิง ชายหาดหลายแห่งผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด ป้ายที่แปะติดกระจกร้านค้าและร้านอาหารหลายแห่งอำลาลูกค้าจนกระทั่งถึงเดือนกันยายน เตรียมพร้อมออกสึกกับรายชื่อแขกผู้ติดต่ออันผสมปนเป

ผมร่อนเร่ไปยังประเทศที่ถูกที่สุด รถไฟคืบคลานช้าที่สุด ประเทศสเปนอยู่ในวิกฤติการณ์การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เท่าที่รู้ ในช่วงปี 1982 สภาพแวดล้อมยังด้อยพัฒนาและมีเสน่ห์ทางวัฒนธรรมอย่างยิ่ง

ตู้รถไฟหลายขบวน ประตูเก่าครึทั้งยังปิดเสียงดังปึงปัง อากาศอวลด้วยกลิ่นคลื่นเหียน หน้าต่างสามารถดึงลงและแขวนของได้ สบู่ในห้องน้ำป่นเป็นผงแป้ง คล้ายพริกไทยจากโรงโม่ ธรรมดาที่ในเวลานั้น ยังเป็นสเปนอันบริสุทธิ์ผุดผ่อง นักท่องเที่ยวด้วยรถไฟยิบยื่นอาหารของตนให้เพื่อร่วมเดินทางรอบข้าง ครั้งหนึ่ง บนรถไฟเที่ยวกลางคืนจากปารีส ครอบครัวชาวสเปนครอบครัวหนึ่งต้อนรับผมอย่างอบอุ่น และเชิญไปร่วมงานเลี้ยงอาหารมื้อค่ำ : แลมป์ช็อปคลุกแป้งขนมปังเสิร์ฟแบบเย็น แซนวิชทอร์ทิลล่า เซอร์ราโน่จามงแผ่นบาง ห่อด้วยกระดาษฟอยล์อลูมิเนียมและกาซปาโช ในถ้วยพลาสติก รินจากโถกักเก็บความร้อนระบบสุญญกาศ

เช้ารุ่งขึ้น ในหนึ่งชั่วโมงที่มุ่งสู่บาร์เซโลน่า หยิบกล่องอาหารปิกนิกออกมาเปิด มีกาเฟ่ คอน เลช และบิสกิตสวีตมาเรีย ผมรับรส รู้สึกว่า ครอบครัวนั้นจุ่มบิสกิตลงในกาแฟอย่างละเมียด การยกถ้วยกาแฟขึ้นจิบ เยี่ยมกว่านำบิสกิตจุ่มกาแฟแล้วนำเข้าปาก นั่นเป็นครั้งแรกที่สัมผัสถึงความอ่อนละมุนของชาวสเปนอย่างมีเหตุมีผล ใช้ความแข็งของขนมปังเป็นพาหนะบรรทุกของเหลวอย่างกาแฟ ขนมปังดูดซึมน้ำซ้อสอย่างฉับพลัน สปอนจ์ เค้ก “ชุ่มฉ่ำ” ด้วยไวน์หวาน และช็อกโกแลตร้อน ที่ใช้เป็นเครื่องจิ้มตกแต่งของทอดและชัวร์รอส(โดนัทสเปนทอด)เป็นทางยาว

ผมมุ่งมั่นที่จะหลีกเลี่ยงการใช้จ่ายราคาแพงโดยการพักในโรงแรมหลายแห่ง เส้นทางถูกกำหนดโดยวันที่นัดกับคนรู้จักมักจี่ผู้ที่ผมพักที่บ้านพวกเขา หลังจากเยี่ยมเยือนมอลลอร์ซา ผมมุ่งหน้าจากผืนดินห่างไกลมุ่งสู่เมืองมาดริด เมืองที่ผมมีที่อยู่ของเพื่อนร่วมโรงเรียน ที่ย่านซาลามานก้าอันเยี่ยมยอด ผู้ดูแลตึกบอกผมว่า พวกเขาเดินทางไปพักวันหยุดฤดูร้อนที่บ้านพักส่วนตัวริมทะเลในซานเทนเดอร์ บ้านใหญ่ สวนขนาดมหึ ที่นั่งชมทะเลอันเหมาะเจาะติดชายหาดซาร์ดิเนโร่ ผมไม่มีพลาด จึงจับรถไฟขึ้นทางทิศเหนือ ค้นคว้าหาบ้านหลังนั้น แล้วใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ด้วยพลังแห่งวัยเยาว์ของเมืองซานเทนเดอร์ ยามค่ำคืน พวกเราเริงร่าทั่วเมืองอย่างสุดขีดเช่นลูกเศรษฐีในรถหรูระยับ

ในคืนสุดท้าย พวกเราทุกคนออกไปกินอาหารมื้อค่ำมื้อสุดท้าย ผมไม่เคยกินอาหารมื้อสุดท้ายของวันในเวลาเที่ยงคืนมาก่อน แล้วก็พบว่า เป็นความคิดที่ปรนเปรอตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เรากินดื่มกันที่อู่เรือท่าตกปลา สภาพร้านอาหารเหมือนโรงอาหาร ขายอาหารซีฟู๊ดให้คนจำนวนมากในสภาพหิวโซจากกิจกรรมที่ทำมาทั้งวันที่ชายหาด กุ้งจานร้อนหรือ อา ลา ปันชา ปลาหมึกยักษ์ชุบแป้งทอด หอยแมลงภู่นึ่งไอน้ำจนฉ่ำ หอยกาบ อาลามาลิเนร่าผักชีฝรั่งและไวน์ขาว ปูยักษ์ต้ม กองหอยสีดำตัวเล็ก ดูเหมือนจะวางระเกะระกะท่วมท้นผ้าปูโต๊ะสีขาว ซึ่งกลายเป็นรอยเปื้อนและยับยู่ยี่ บรรยากาศแห่งความครึกครื้นปกคลุมทั่วห้องอาหารด้วยนักกินผู้มีความสุขนับร้อย ตะโกนข้ามหัวขณะที่อาหารยังเต็มปาก ผู้คนบีบมะนาว จุ๊บหอย บิเปลือกหอย จุ่มขนมปังในน้ำผลไม้เลอะเทอะ แล้วยังดื่มซันเกรียเหนียวๆ อัดน้ำแข็งเต็มเหยือกอึกใหญ่ ที่ตรงนั้นไม่มีอะไรน้อยกว่า การกินอย่างซื่อๆ ของคนสเปน ที่เสียงดัง สับสนอลหม่าน โจ่งแจ้ง ทว่าควบคุมได้ อาหารจานร้อนหลากหลายชนิดทยอยออกมาเรื่อยๆ และพวกเรายังคงกินแล้วก็กิน กระทั่งดึกดื่น ทั้งหมดเป็นสิ่งสัมพันธ์กับผม ด้วยชีวิตจำกัดกรอบและความเป็นพลเมืองอังกฤษ ผมไม่เคยคิดว่า เป็นไปได้ที่จะมีความสุขมากเช่นนี้

หลายปีพ้น ผ่านชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย แล้วใช้ชีวิตอยู่ในลอนดอน หลังสะกดตัวอักษรในฐานะบริกรและลูกจ้างขายไวน์ชั่วคราว ผมก็ประสบความสำเร็จ ด้วยความกล้าหาญก็ได้งานบรรณาธิการงานเขียนประชาสัมพันธ์ ทว่าเมื่อใคร่ครวญย้อนหลังแล้ว ก็ขวยอาย เล่มนั้นชื่อว่า “เทสต์” ใช้เงินลงทุนไม่มากในอู่จอดรถเก่า ใกล้ท่าเรือเก่าแก่ที่ฟูลแฮม